วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๒๑



๑.ความโกรธ ความแข็งกระด้าง การขาดสัมมาคารวะเป็นมารที่ทำลาย ที่กีดกั้นคุณธรรมความดี ไม่ให้เป็นที่รัก เป็นผู้ที่มีเวรมีบาป ใจก็จะร้อน

๒.อยู่นานเข้าใจว่าร่างนี้ สิ่งนี้ สิ่งนั้น.....เป็นของเรา ถ้าอยู่เป็นพันปี เป็นกัปๆ ก็หลงจนลืมเที่ยง(เข้าใจว่าสิ่งต่างๆเที่ยง)ดั่งพกามหาพรหม

๓.ศูนย์กลางชีวิตคือจิตวิญญาณ จะหาความสุขก็ต้องหาอยู่ที่จิต เมื่อไปหาข้างนอก เดี๋ยวเราก็เจ็บ วันนี้มันๆ สุขมันจะหลอกเราไปทุกข์ยาวๆนานๆ

๔.เทพก็เมา พรหมก็หลง ถ้าไม่เห็นพระไตรลักษณ์  ได้เป็นมนุษย์คู่กับทุกข์ได้เปรียบแล้ว ส่วนผีเปรตสัตว์ อสุรกาย สัตว์นรกจะรับพระสัทธรรมไม่ได้ต้องชดใช้ภูมิภพไปก่อน

๕.เห็นจิตแล้วก็ลาออกจากบาป  เห็นความจริงก็ละ สละสิ่งสมมุติของโลก ส่วนผู้ที่ยังไม่เห็นก็ดีใจร้องไห้ แบกหามโลกกันต่อไป

๖.พวกเราตายยกครัวกันทั้งนั้น ปู่ตาตาย ย่ายายตาย พี่ชายน้องสาวตาย น้าอาตาย ผัวตาย เมียตาย ลูกตาย หลานตาย ตัวเราตาย เพียงแต่ทยอยกันตาย เราจึงไม่ตกใจ แต่ถ้าตายถี่ๆเราก็จะรู้สึก สติก็ตั้ง ธรรมที่ไม่เกิดก็เกิด

๗.ตามรู้กายที่เคลื่อน รู้ใจที่ส่งออกนึกคิดไปเรื่อยๆ บ่อยๆ จนต่อเนื่อง เราก็จะไม่เผลอ รับรู้กระทบมีบาปอกุศลเกิดผุดก็รู้ทันรู้ชัดก็ตัด เบรกได้ และถ้ามีปัญญา หรืออุบายก็ดับลงได้ ใจก็ไม่เจ็บ ช้ำ หรือหมอง

๘.ในแต่ละวัน ใจเราขุ่นหรือใส ชุ่มชื่นหรือแห้งเหี่ยว วุ่นวายหรือสงบ ร้อนหรือเย็น คลาย ละหรือผูก ชำระ ดับได้เร็วหรือช้า หรือเครื่องติดตลอด เบรกไม่มี

๙.สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ สรรพทั้งปวงกำลังดำเนินไปสู่ความแตกดับทั้งหมด ยึดกายก็ทุกข์กับกาย ยึดสุขก็ทุกข์กับสุข แต่ถ้าเรายึดทุกข์ เราก็โง่จังเลย

๑๐.คนใกล้ตาย เขาไม่ได้พูดหรือคิดเรื่องทรัพย์สมบัติ แต่จิตเขาคิดถึง บุญบาป นรกสวรรค์ ทุคติสุคติ ภูมิภพที่จะไป

๑๑.เขารวย ได้วัตถุ เราก็เข้าใจว่า เขาได้ดี ถ้าได้ดีต้องพอ ละ สละ ใจก็จะเบา สงบ เย็น

๑๒.เราเกิดมามีหน้าที่ทางกายคือบำบัดดับเวทนา และทางใจที่ต้องรักษานำพาพ้นออกจากทุกข์ “ทิ้งจิต ชีวิตโมฆะ”

๑๓.ปัญญาวัดได้จาก ความสงบระงับจากบาปได้มากน้อย หรือความสะอาด สว่างแห่งจิตเพียงใด

๑๔.มีเงินมีปัจจัยพร้อมก็ยังซื้อวัตถุสิ่งนั้นไม่ได้ จักต้องมีความโง่ความอยากด้วย

๑๕.เราได้อะไรมา แล้วมีทุกข์ติดมาด้วย มีบาปหรือนรกติดมาด้วย เสียเกียรติทางจิตวิญญาณด้วย นั้นไม่ใช่โชค

๑๖.ใจอยู่ที่ไหน กายอยู่นี้ มันไปตามสัญญา ไปตามกิเลสตัณหา คิดไม่เลิก หลับก็ฝัน ชีวิตไม่อิสระ ขังจิตไม่ได้ ไม่รู้จิตดับทุกข์ไม่ได้

๑๗.กายนี้ทนได้ยาก จะอยู่ได้อีกสักกี่ฝนกี่หนาว อายุ ๕๐ ก็ต้องเริ่มละเพราะฐานะเริ่มชรา ๖๐ ต้องเตรียม(ตาย) ๗๐ ต้องพร้อม ๘๐ อยู่ไปก็เจ็บ ลุกก็โอยนั่งก็โอย ๙๐ หมอบดีกว่า

๑๘.พวกเราเดินทางกันมาจากอดีตถึงปัจจุบันนับเป็นเวลากี่อนันต์แล้ว และไปสู่อนาคตไม่รู้อีกกี่อนันต์ภพ พบธรรมก็รู้ทาง รู้จุดหมายก็บ่มอินทรีย์ไปเรื่อยๆในแต่ละภพๆ มิใช่มาหยุดอยู่กับโลก มารมันขัดขวางหลอกเรา

๑๙.ตามใจเราไปนรก ต้องตามศีลตามธรรม บาปใครเคลียร์ไม่ได้

๒๐.เข้าใจจิต เราก็จะรู้จักชีวิตดีขึ้น เวลาบาปภพชาติก็ไม่ขยายออกไป

๒๑.ติดวัตถุ เราก็พัฒนาจิตใจปัญญาไม่ได้

๒๒.ดิ้นรนหาทรัพย์เอกลาภก็เพื่อจะดับทุกข์ แต่แล้วก็ทุกข์ เพราะดับที่ปลาย ไม่ดับที่ใจที่เป็นต้นเหตุ

๒๓.ทำไม่ดี ไม่มีใครรู้ แต่ใจเรารู้ เราทำอย่างไร ใจเราก็รู้อย่างนั้น มันเป็นตราประทับที่เกาะกัดกินใจ นึก ผุด จรที่ไร ใจก็ไม่สงบ

๒๔.เอาความตายมาตัด ความมีตัวมีตนได้ ใจก็เบา หายเหนื่อย

๒๕.ฝึกกายมีศีล ฝึกสติมีธรรมนำชำระกิเลส ใจก็จะไม่ร้อน

๒๖.โลกคือหมู่สัตว์เป็นเวทีแห่งภูมิภพ เมื่อปัญญารู้ชัดอนัตตา หลุดไม่ตกมากเกิดมาตาย

๒๗.จะบอกอย่างไร เขาก็ไม่รู้ เพราะไม่ประจักษ์แจ้ง เจ็บครั้งหนึ่งสติก็เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง

๒๘.หาสุขนอกจิตแล้วมาทุกข์ หาสุขในจิตดีกว่า จะเย็นเบา

๒๙.เสพวัตถุมากก็ขาดอิสระ เสียแรงงาน ความคิด เวลา พักก็น้อย ชีวิตเสีย

๓๐.ชีวิตที่ปลอดภัย ดีงาม อิสระต้องละบาป เจริญอยู่ในกุศล และฝึกบ่มพิจารณา ใจก็จะเย็น เบา สงบ

๓๑.ธรรมะช่วยให้หายโง่ ก่อนที่จะเจ็บ จม และหลงไปสู่นรก

๓๒.หลงกาย เราก็หลงอยู่กับทุกข์

๓๓.วางตัวตนได้ก็จะเบา ไม่โกรธ แค้น หายใจก็ไม่หนัก คำพูดก็ไม่ร้อน ดวงตามีหน้าก็ไม่ดุ

๓๔.เมื่อมีภูมิธรรมอยู่บ้าง เราก็จะสะดุ้งในบาป อกุศลหรือนรก

๓๕.เมตตา อภัย อโหสิ จิตเราก็เย็น เบา อิสระ

๓๖.ไม่รู้จิตก็ไม่รู้ชีวิต ก็ใช้ชีวิตแบบไม่รู้ทาง ดีใจร้องไห้ แบกหามโลกนี้ไป จนดับมืดไปภพหนึ่งๆ

๓๗.บาปเป็นของร้อน เกิดที่ใจ เมื่อสร้างบาป ใจเราก็เป็นนรก



                          โดย พันตำรวจโทสุรเดช ผะอบทิพย์

                                    ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม