วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๐



  
๑.เราเป็นคนจนก็ไม่เป็นไร เราเรียนไม่เก่งก็ไม่เป็นไร เราเรียนไม่เก่งก็ไม่เป็นไร เราทำงานหนักก็ไม่เป็นไร เรากินอยู่ไม่ดีก็ไม่เป็นไร เราถูกเบียดเบียนก็ไม่เป็นไรเพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ เหตุปัจจัย ความเป็นมาหรือกฎกรรมจึงได้ดำเนินมาอย่างนี้ แต่ขอให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดี บุญบารมีก็เกิด ใจเราก็ไม่เศร้าหมอง เราก็อยู่เย็นเป็นสุขแล้ว

๒.เราเป็นดาบแก่ๆ จ่าแก่ๆ ก็ไม่เป็นไร เป็นร้อยเอกดาวผุก็ไม่เป็นไร เป็นพันโทดาวผุก็ไม่เป็นไร ขอให้เราร่มเย็นดับเย็นสงบจากกิเลสก็น้องๆยอดมนุษย์แล้ว อีกไม่นานก็ต้องเดินทางแล้ว...ทุกสิ่งเป็นเพียงเมฆหมอกเกิดดับหายไป ขอพระคุณพระธรรมจริงๆ

๓.อย่าไปเปรียบเทียบเลยว่า เขาสบายเราลำบาก เขาไม่ทำงานเราทำงาน เขาได้เงินเราไม่ได้เงิน เขาเงินเดือนมากเราเงินเดือนน้อย เขาเป็นท่านพญาเราเป็นเพียงเบี้ย เขาอยู่เหนือเราอยู่อยู่ใต้เขา เขามีเมียสวยดั่งนางฟ้าแต่เมียเราขี้เร่ เขามีผัวดีเรามีผัวเลว เขามีลูกดีเรามีลูกเลว ลูกเขาเป็นหมอลูกเราเป็นยาจกรับจ้าง เขาดื่มโค้กเราดื่มน้ำเปล่า เขาได้ดีเราตกต่ำ เขากินอิ่มเราอดอยาก เขาอยู่สวรรค์เราอยู่นรก เพราะมนุษย์สัตว์ต่างมีบุญ บารมี วาสนาไม่เสมอกัน พึงสะสมกรรมดีบุญ บารมีก็เกิดขึ้นอย่างเขา แต่ถ้าเขาประมาทในกรรมเมื่อบุญเขาหมด บารมีเขาดับ วาสนาเขาสิ้น เขาจะรับเต็มจัดเต็ม เต็มๆ

๔.พระเจ้า เทพ เซียนทำให้เราบริสุทธิ์ไม่ได้ ช่วยให้เราพ้นทุกข์ก็ไม่ได้ ลูกเทพเองก็ช่วยเราไม่ได้ สำเร็จธรรมก็ไม่ใช่แต่เป็นไสยศาสตร์ ถ้าพุทธศาสตร์ต้องมีปัญญา พึงนำจิตดวงนี้ให้ถูกทาง ลืมพระพุทธเจ้าแล้วหรือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อสะสมกรรมดีบุญบารมีก็เกิด และถ้ามีปัญญาทุกข์ก็ดับ........ ลูกเทพ เทพองค์ไหน..... เทพก็ยังเวียนเกิดเวียนตายอยู่ ปัญญาระดับเทพ(ประมาณปัญญาระดับศีลได้) เทียบชั้นกับอริยบุคคลไม่ได้

๕.เหตุผลมนุษย์เปลี่ยนได้แต่ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ มนุษย์เป็นเครื่องมือวัดไม่ได้เพียงแต่โลกสมมุติหรืออุปโลกน์ขึ้นมาแต่ไม่พ้นกฎกรรม

๖.มนุษย์ภัยมีรอบตัว ร่างก็เป็นรังของโรค ตั้งอยู่ก็ไม่นานเหลืออีกไม่กี่วันคืนแล้วก็กลายเป็นดิน ธุลีดิน คนรุ่นใหม่ๆก็ลืมเราหมด จะแย่งชิงกันไปทำไม จะเบียดเบียนกันไปทำไม จะดิ้นรนกันไปทำไม จะวุ่นวายกันไปทำไม ยังไม่เหนื่อยอีกหรือ ยังเจ็บไม่พออีกหรือ ยังมองไม่เห็นอีกหรือ และจะไปไหนอีก...

๗.นั่งสมาธิจนเป็นหิน เดินจงกรมจนเท้าแตกพื้นดินสึกลึกเป็นร่องจนท่วมหัวก็ไม่บรรลุ ถ้ายังขัดเกลา เบา ถอน ชำระหรือดับกิเลสไม่ได้ ไม่มีปัญญา ขาดปัญญา แล้วยังมาคุยอวดโม้จำหน่ายวัตถุมงคล ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

๘.เรียนรู้โดยศึกษาเป็นสัญญา เรียนรู้โดยลงมือทำเป็นปัญญา แต่ถ้าทำซ้ำบ่อยๆหรือมีเหงื่อน้ำตาเลือดเสียอวัยวะน้อยใหญ่หรือพลัดพรากสูญเสียก็จะแจ่มแจ้งชัด ยิ่งเจ็บยิ่งซึ้งยิ่งเห็นทางเห็นธรรม

๙.สติไม่เกิด สติไม่มีจะระลึกดีให้จิตเกิดกุศลได้อย่างไร จิตมีกุศลแต่ไม่พิจารณาปัญญาก็ไม่เกิด ผ่านอยากจิตบริสุทธิ์ แต่พึ่งมีสติและความเพียรชำระขัดเกลาไป

๑๐.ดีก็ไม่ยึด ชั่วก็ไม่เอา อยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างจะพัง....ได้บ้าน ได้รถ ได้ยศ ได้กิจการ...แล้วยังไง จะหยุดยังไง จะไปอยู่แล้ว ไม่รู้ทางไม่เห็นทาง....ดับไปแล้วกว่าจะขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้อีก ยาก

๑๑.โลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้และไม่มีอะไรแท้จริง ถูกผิดอิงกับบัญญัติที่กำหนดขึ้น ติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ เวลาใกล้จะหมดแล้ว หลังความตายมีกี่คนที่พูดถึงเรา ลืมกันหมดโลก

๑๒.การขาดทุนทางจิตวิญญาณ เช่น หงุดหงิด คับแค้น โกรธ อาฆาต พยาบาท ฟุ้งซ่าน รำคาญ อยาก ไม่อยาก วิตก หดหู่ ลังเล สังสัย ไม่รู้ จิตก็เศร้าหมองเป็นความล้มเหลวแห่งภพ....แก้ไขได้ด้วย มรรค ๘

๑๓.มีสิ่งใดย่อมทุกข์กับสิ่งนั้น และถ้าไม่อยู่ตามครรลองก็ยิ่งร้องขึ้นไปอีก เด็กๆร้องตายพอแก่เข้าก็เริ่มเห็นใจก็เริ่มละเริ่มวางได้

๑๔.ความไม่รู้เป็นมลทินฆ่าตน เด็กๆต้องเรียนรู้ฝึกฝนอดทนทำการงานให้มากๆ จะเกิดทักษะ เทคนิค ใจก็ไม่ฟุ้งซ่านเป็นอยู่ก็สงบธรรมก็เกิดแก่ตน ส่วนคนแก่แก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยไป ให้ตายไป....

๑๕.หลงจนสังหารหมู่ หลงจนฆ่าเขาฆ่าตน หลงจนเก็บกอบโกยโกงหรือจนยึดแผ่นดินแผ่นน้ำแผ่นฟ้า หรือเบียนเบียนเขา ชีวิตจริงไม่สุขไม่สงบเป็นการฆ่าทำร้ายจิตวิญญาณตนเองทั้งที่ร่างกำลังจะพัง

๑๖.เมื่อเราแก่ เราไม่รู้อะไรสังเกตพิจารณาก็ไม่ออก จงอย่ายุ่งกับคนถ้าไม่อยากเหนื่อยใจหรือเจ็บ... และถ้าเป็นสาวๆ ยุ่งกับชายจะเจ็บหนัก หนักมากๆ ประมาณร้อยละ ๒๐-๓๐ เปอร์เซ็นต์จะโชคดีที่ไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยมากๆ

๑๗.หลง หมายถึง ไม่รู้ พอใจ ข้อง ติด ผูก งมงาย จม บ้าหรือเมาอยู่กับโลกหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งหรือเห็นว่าโลกเที่ยง สิ่งต่างๆมีหรือเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่แปรเปลี่ยนสลายแตกดับหรือไม่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

๑๘.หลงไม่รู้ดับ หากินตาย จมอยู่กับภพ เมาอยู่กับบัญญัติ ติดสมมุติ เกิดมาเพื่อตาย มีชีวิตแบบตายทิ้ง

๑๙.การไหว้เป็นการบูชาคุ้มภัยพ้นภัยความมีตัวมีตนจะน้อยลงลิมิตถึงธรรมเห็นธรรม ทรงธรรม

๒๐.บุญสำเร็จด้วยใจ เห็นเขาทำดีก็ดีใจ เห็นเขาทำไม่ดีก็สงสารเขาเพราะเขามองไม่เห็น เขาไม่รู้ จะติเตียนเอาผิดเขาก็ไม่ได้เพราะเขาไม่รู้ต้องให้เขาพัฒนาไปเรื่อยๆ

๒๑.การอยู่ร่วมกับคนขี้เกียจขี้โกงขี้โม้ขี้......ต้องอดทนและต้องมีสติและใช้ปัญญาให้ยิ่งเป็นกรรมของสัตว์เป็นคราวเคราะห์ของเรา ต้องเมตตาเขาเหตุเพราะไม่รู้พระสัทธรรม

๒๒.ชีวิตเป็นของเหลือน้อยจะมาหลงอะไรกับโลกใบนี้ เรากำลังเดินทางอยู่นะดั่งอยู่ ณ ตำแหน่งหนึ่งบนเส้นทางอนันต์(สังสารวัฏ) เราอยู่กันคนละแวบๆ

๒๓.คนเอาเปรียบ คนเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่ได้เป็นคนมีตัวมีตนไม่เห็นตัวแก่ เข้าไม่ถึงธรรม จิตมืดบอด ไม่นานร่างก็พังจมดิน ส่วนผู้เสียสละผู้ที่สละโลกได้เป็นของจริง

๒๔.เวลาใกล้จะหมดแล้ว...ได้กลืนกินชีวิตมนุษย์สัตว์ไปทุกวันๆ กลายเป็นดินเป็นหินกันไปหมด ไม่หลงไม่เมาหนอ สมมุติทั้งชื่อทั้งรูปร่างแปรสลายดับไปสิ้นไป

๒๕.ทุกข์ใจเป็นทุกข์ที่ยาวนาน ทุกข์กายไม่นานก็หายร้อนก็อาบน้ำหิวก็กินข้าวเลือดออกเป็นไข้เป็นโรคก็รักษา สร้างเหตุทำกรรมไม่ดีใจนึกใจคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ดับมันไม่ได้หลอนถึงบ้าได้

๒๖.ยิ่งได้ยิ่งอยากยิ่งมากยิ่งต้องการชีวิตถูกใช้จนตายผิดทางหลงทาง หรือหลงไม่รู้ดับ

๒๗.ร่างมันจะไม่ไหวแล้ว จะเอาอะไรอีกจะหาอะไรอีกจะดับอยู่แล้ว

๒๘.ไม่ปล่อยจิต พึ่งหาที่อยู่ให้จิตหรือให้จิตเกาะเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การงาน,ลมหายใจ,เพ่งสิ่งใดๆ,ท่องคำบริกรรมใดๆ,สวดมนต์,ระลึกตรงๆหรือทำความรู้สึกกับสิ่งที่สัมผัสหรือพิจารณาโดยรู้ตัวในขณะคิดนึกนั้น ฝึกตามรู้กายจะรู้จิตเห็นจิตเรา

๒๙.เราอายุเท่าไร ใช้มาแล้วเท่าไร เหลืออีกเท่าไร ที่ยืนได้เดินได้ที่ไม่ต้องลุกโอยนั่งโอย...แล้วจะจบอย่างไร...โลกนี้ไม่มีอะไร แต่ละกลุ่มชีวิตดั่งเมฆหมอกเกิดดับหายไป

๓๐.ความเจริญการศึกษาศิลปะวิทยาการสมัยใหม่ไม่เคยหยุดความเสื่อม ความไม่จริงและการเบียดเบียน สังคมจริงคนก็จริง คนจริงจิตก็มีธรรม เมื่อใจดีทุกอย่างก็ดี ไม่พึ่งใส่ใจกับเปลือกเลย ไม่ได้ผลหรอก

๓๑.ยึดถือในสิ่งที่ต้องเสื่อมต้องแตกดับต้องสูญ มีภาระมีต้นทุนมีโทษภัยมีทุกข์จิตไม่อิสระหรือยึดถือไม่กี่วันคืนหรือต้องมาตายมาจมอยู่กับภพยึดทำไม มีมากเจ็บ...

๓๒.สละโลกได้ทุกข์ก็ไม่มี

๓๓.สุดท้ายทุกคนต้องหยุด ถ้าไม่หยุดมันก็หยุดเรา ทุกสิ่งมีอายุไขมีระยะเวลาชีวิตใกล้อัสดงแล้ว ไม่พึ่งมั่นหมายๆ ชีวิตไม่ได้ยืนยาว

๓๔.ถ้ารู้จริงจะไม่หลงสมบัติของโลกใบนี้

๓๕.ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ที่วัตถุธาตุแต่อยู่ที่ใจเราที่ต้องเรียนรู้ฝึกฝนอบรมบ่มอินทรีย์ให้แก่ รู้ในรู้นอกรู้เกิดรู้ดับ แจ้งชัดอนัตตา

๓๖.ชีวิตเหมือนฟองน้ำ เดี๋ยวมันก็แตก เมื่อระลึกบ่อยๆจะไม่พร่ำจะไม่มั่นหมายหรือเพ้อหรือฝัน ชีวิตไม่ได้ยืนยาว...อายุมากต้องพร้อม อายุน้อยต้องเตรียม

๓๗.กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่งแม้แต่ตัวมันเอง เราถูกกินทุกวันๆ ถามจริงเรามีเวลาเหลืออีกกี่วัน หากินเบาๆไปเย็น

๓๘.ไม่ทำชั่วใจก็สุข ทำดีใจก็เย็นเบา ชำระจิตก็อิ่มชื่น

๓๙.ขันติเป็นพื้นธรรม เมื่อไม่มีขันติและความเพียรธรรมก็ไม่บรรลุ การงานที่ยุ่งยากก็ไม่สำเร็จ ความรับผิดชอบ ความเชื่อถือ ศรัทธาก็ไม่มี เสียของเกิดมาตายทิ้ง

๔๐.การออกแบบสังคมมนุษย์หรือกิจกรรมมนุษย์ต้องออกแบบระบบให้มนุษย์คิดดีทำดีมีสัมมาทิฎฐิเข้าใจเหตุผล ถูกผิด ดีชั่ว บาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์ไม่ใช่ประโยชน์ นรกสวรรค์แอนด์นิพพาน ทางโลกระบบต้องมีความรวดเร็ว เที่ยงตรง แม่นยำและคุ้มค่า เช่น ไม่สร้างหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไข เงื่อนเวลาจนเป็นภาระหรือสร้างหายนะแก่ทุนหรือจิต

๔๑.ชีวิตใกล้อัสดงแล้ว จะสะสมอะไรอีกจะเดินทางอยู่แล้ว ที่ได้มาทั้งหมดวาง

๔๒.เมื่อดับลงจากภพนี้ไปแล้วจะขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้อีก กี่ภพก็ไม่รู้ หาใช่ว่าจะขึ้นมาได้ง่ายๆ เราย้อนเวลาไม่ได้ เดินหน้าไปสู่เวลาอนันต์ ถ้าตายแล้วเลิกกันพระพุทธเจ้าไม่ต้องมี...โบสถ์วิหารเจดีย์ก็ไม่ต้องมี ระบบเวลา ตัวเลข วิทยาศาสตร์และตรรกก็ไม่ต้องไปศึกษาเรียนรู้มัน พุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ไม่เพียงแต่จิตสงบหรือทำดีแต่ถึงจิตที่บริสุทธิ์ขาวรอบ

๔๓.จิตบันทึกในสิ่งที่ทำในกรรมที่ก่อ(ทำอะไรก็รู้อยู่ที่ใจทั้งหลักฐานพยานถูกผิดใจก็รู้)จะมีสัญญาปรากฏหรือผุดขึ้น ผู้มีอดีตไม่ดีเมื่อนึกคิดขึ้นใจก็ไม่สงบก็หวั่นไหวบ้างเศร้าหมองถึงกับหลอน

๔๔.ปัญญาเหนือบาปเป็นปัญญาชำระกิเลสต้องใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีที่บ่มอบรมฝึกฝนมาคนมีปัญญาไม่สร้างปัญหา แต่เป็นมันสมอง ดับ บรรเทาทุกข์ตนทุกข์ผู้อื่น

๔๕.เอาโลกเป็นบ้านแล้วสบายใจก็ไม่ต้องประชันใครกินอยู่ไม่กี่วันคืนแล้วก็ไป เห็นคนแก่สร้างบ้านหลังใหญ่แล้วมองยิ้ม เขาไม่รู้ เขายังไม่รู้......

๔๖.มนุษย์มีกิเลสเป็นเครื่องจองจำเมื่อเห็นทุกข์โทษภัยใจก็เริ่มละได้ เวลาเหลือน้อย

๔๗.คนหยาบคนบาปไม่เข้าใจบุญบาปไม่เห็นจิตตนใจนึกคิดปรุงแต่งไปเรื่อยแต่ถ้าตั้งมั่นได้ต้องเจ็บหนักๆ ชัดๆ เต็ม หรือต่อเนื่องก็จะเริ่มรู้เริ่มเห็น แต่ก็ยังละไม่ได้ พอหายเจ็บก็เอาอีกพราะปัญญายังไม่พินิจพิจารณา เด็กเจ็บตายร้องตายพอผมสองสีก็เริ่มรู้เพราะสะสมเจ็บมามากบ้างแล้ว

๔๘.ทฤษฎีการแข่งขันเป็นรากฐานแห่งความขัดแย้งนำไปสู่ความหายนะ...แบ่งปันเกื้อกูลและอภัยคือสังคมเทพ มนุษย์มีเวลาน้อย

๔๙.อยู่กับสิ่งใดต้องรู้จักสิ่งนั้นเช่น อยู่กับคนไม่เข้าใจคนก็หงุดหงิดคับแค้น ไม่รู้งานรู้วิธีจิตก็วิตกแต่ถ้าไม่รู้จริงใจก็อยาก...ยิ่งอยากมากคือยิ่งไม่รู้

๕๐.เราอายุไม่ยืน เราอยู่ได้ไม่นาน เราไม่รู้ว่าเขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าไร...ไม่พึ่งมั่นหมายๆ เมื่อระลึกหรือโน้มมาจะรู้สึกเบาผ่อนคลาย

๕๑.คนโลภ คนหลง มองไม่เห็นธรรม หากินไม่รู้ดับเมา

๕๒.หาเงินหาทองจนลืมชีวิตมารู้เมื่อเวลาจะหมดร่างกำลังพังทิ้งจิตทิ้งธรรมชีวิตโมฆะจิตมืดบอด

๕๓.โบสถ์วิหารเจดีย์ไม่ใช่ที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริงคือทานศีลภาวนา

๕๔.ทำอะไรอย่าเกินตัว คิดอะไรอย่าเกินจริงอยู่ตามครรลองสร้างเหตุดีๆไม่ก่อภาระหรือผูกพันกับสิ่งใดๆมากไปใจจะได้สบายกายก็จะเหนื่อยน้อย แต่ถ้าแก่แล้วก็ต้องหยุด เชื่อกรรมไม่เจ็บตัว

๕๕.เมื่อจิตตั้งมั่นในสิ่งที่ทำใจก็สงบสุข แต่ถ้าจิตส่งออกทุกข์ก็จะเกิดขึ้นแต่ละขณะๆ

๕๖.ถ้าจะปฏิบัติธรรมได้ดีต้องสบายกายสบายใจมาก่อนไม่มีเหตุขัดข้องในเรื่องใดๆ เช่น มีภาระก่อเวรมาทำสมาธิเจริญสติก็ไม่เกิดผล ทำกรรมไม่ดีมาจิตก็ตั้งไม่ได้

                    โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์         

                                      ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙

บทความที่ได้รับความนิยม