วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๑




๑.จะเป็นลูกหลานเทวทัตก็ไม่เป็นไร จะเป็นศิษย์อาจารย์ไหนก็ไม่เป็นไร จะไม่เป็นศิษย์ใครเลยก็ไม่เป็นไร จะมีลัทธิความเชื่อใดก็ไม่เป็นไร จะไม่เชื่อสิ่งใดเลยก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้พึงโน้ม(โอปนยิโก)มาดูก่อน  เย ธัมมา เหตุปปภวา เตสัง  เหตุง ตถาคโต อาห  เตสัญจะ  โย  นิโรโธ  จะ เอวัง  วาที  มหาสมโณ  พระองค์ทรงแสดงว่า สิ่งทั้งหลายเกิดมีมาแต่เหตุและดับไปโดยเหตุ หรือแสดงความเกิดดับแห่งธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรเป็นตัวตนดั่งเมฆหมอก

๒.พระพุทธเจ้าสละโลก สายัณห์ สัญญา ขอสละรัก(เจ็บในรัก) เห็นทุกข์เห็นธรรม ไม่เห็นไม่เจ็บ ถึงเจ็บก็ไม่รู้ ต้องหนักๆ ชัดๆ เต็มๆ สติตั้ง มีสิ่งใดก็ทุกข์กับสิ่งนั้น

๓.คนไม่มีงานทำใจก็ฟุ้งซ่านร่านปรารถนาโอกาสเจ็บตัวมีสูง...จิตตั้งมั่นไม่ได้....

๔.เราบังคับผม ขน เล็บ ไม่ให้ยาวไม่ได้ เราบังคับฟันไม่ให้ผุไม่ให้หลุดก็ไม่ได้ เราบังคับหนังไม่ให้เหี่ยว ย่นและแห้งก็ไม่ได้ ร่างนี้เป็นรังของโรค ตั้งอยู่ไม่นาน ไม่เที่ยง คงรวยได้อีกไม่กี่วัน เป็นเจ้าของก็ไม่กี่วัน หากินเบาๆใจสบาย เบาๆ

๕.ตักบาตรทุกวัน ทำทานบ่อยๆ ถี่ๆ เสมอๆ มากๆ เยอะๆ ไม่คุ้ม ยังไม่ตรง....ยังปิดนรกไม่ได้เพราะการให้ด้วยพิจารณาพระศาสดาทรงสรรเสริญ.....ผู้รับเป็นเนื้อนาบุญ......และวัตถุทานที่ให้ได้แต่ใดมา ชอบหรือไม่ชอบ

๖.คลุกคลีกับสิ่งดี สิ่งดีๆบารมีก็เกิด เลือก/คำนวณ กว่าจะรู้เจ็บก่อน

๗.เหนื่อยกายต้องทน เหนื่อยคนต้องพิจารณา เห็นเหตุปัจจัย อุปนิสัย พื้นเพ สันดาน สติปัญญา ภูมิจิตภูมิธรรม คุณสมบัติ สภาวะ กิเลส กรรม วิบาก จิตจะยอมรับตามจริงใจจึงไม่โกรธ ไม่เคือง ไม่อาฆาต ไม่พยาบาทแต่กลับเมตตาสงสารเห็นใจ ใจจะคลาย เบา เย็น สงบเพราะใจยอมรับว่ามันเป็นเช่นนี้เองเข้าใจคนเข้าใจสัตว์ใจสบาย

๘.หยุดเป็นพระ สละ ละเป็นธรรมชั้นสูง แต่ถ้าลด ละได้ก็ชนะมาร

๙.รู้ธรรม ไม่ทำบาป

๑๐.ความบริสุทธิ์ใจเป็นความสุขที่แท้จริง พันล้าน ร้อยล้าน ที่หนึ่ง ที่สุดแล้วมีอะไร...ร่างเป็นเช่นไร.....ใจเป็นเช่นไร......มีใครที่จริงใจบ้าง.......ดับลงแล้ว เห็นอยู่กันเยอะๆมีใครไปด้วยบ้าง

๑๑.ใจรู้จิตก็วาง จิตว่างใจก็หลุดพ้น หากินไม่รู้ดับ ฆ่าเวลาชีวิต เสียดาย

๑๒.โลกคือไอติม ติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ....รู้จริงนิ่งเป็นใบ้

๑๓.เราไม่พึ่งฝันไปไกลและไม่ต้องไปให้ถึงเพราะชีวิตที่เหลือมีน้อย ถึงได้มาก็สุขไม่เท่าไร ถึงเป็นเจ้าของก็เป็นได้ไม่กี่ปี แต่กว่าจะได้มาเหนื่อยนะ ต้องไปแลกกับอะไรมานะ มีบาปกรรมติดมาด้วยหรือเปล่านะ อยู่ตามครรลองไม่ร้อง

๑๔.โปร่งใส เที่ยงตรง ถูกต้อง ตรวจสอบได้ ไม่เชื่อ ไม่จริง ไม่ใช่ พูดเล่นใช่ไหมเพราะใจยังมีกิเลส จะโปร่งใสได้หรือ อยู่กันคนละแวบ แวบ

๑๕.เราเป็นใบไม้ที่ถูกสลัดใบเมื่อใดก็ไม่รู้ แต่เราเข้าใจว่าเราเป็นต้นไม้ เราอาศัยอยู่บนแผ่นดิน แต่เข้าใจว่าแผ่นดินเป็นของเรา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไปๆ มาๆ แล้วจะหาอะไรอีก จะมาสะสมอะไรอีก

๑๖.บินมาเหาะมาก็ไม่ใช่ ไม่ได้เก่งไปกว่านกหรือยุง ดำดินโพล่ดินมาก็ไม่ใช่ ไส้เดือน มด ปลวกก็ทำได้ เสกเป่าพ่นท่องสวดเจิม โอมเพี้ยง เพี้ยง ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทางละบาป ชำระกิเลส ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่ใช่พุทธะ เพราะทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยจะไม่ยึดมั่นก็ต้องมีเหตุผล

๑๗.เมื่อเกิดสิ่งใดขึ้นไม่มีที่พึ่งอันตราย จิตขาดธรรมไร้ความชุ่มชื่น เช่น เมตตาเย็น ไม่พอใจ เคือง โกรธ พยาบาทจะร้อน อยากหรือปรารถนาก็ต้องลำบากหน่อย ไม่รู้ก็เมา จม หลง ดิ้นรนแบกจนตาย

๑๘.ฆ่าผิดตัว ประหารก็ผิดตัว ลงโทษก็ผิดตัว หัว แขน ขา ลำตัว....มันไม่รู้เรื่องอะไรเลยไปทำลายมันทำไม จิตดวงนี้ต่างหาก

๑๙.เราอาภัพสิ่งใดก็ไม่เป็นไร เราต่ำต้อยก็ไม่เป็นไร เราสูญทุกสิ่งก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ใจเราสงบสะอาดจิตเราสว่างเห็นธรรม อิ่มเอิบบันเทิงใจแล้วจะดับตอนไหนไปตอนไหนก็บันเทิงทั้งโลกนี้และโลกหน้า ไปสวยไปดี มีความอาจหาญต่อยมบาลจริงๆ

๒๐.ความทุกข์ในใจคือบาปเป็นกฎสะท้อน เกิดจากก่อเวรสร้างกรรมหรือสร้างเหตุไม่ดี....สะสมมากๆน่ากลัว จบไม่ลง หลอน

๒๑.เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนาได้เห็นโบสถ์วิหารเจดีย์แต่เข้าไม่ถึงศีลสมาธิปัญญา น่าเสียดาย เสียดาย เจ็บคงยังไม่พอ...คนเป็นทุกข์เห็นธรรมะ

๒๒.คนทำงานจิตก็สงบโอกาสเจ็บตัวมีน้อยมากเพราะจิตไม่ฟ้งซ่านร่านไปหาอยาก ธรรมก็เกิดมีแก่ตน

๒๓.มนุษย์เกิดมาเพื่อละบาป เจริญกุศล ดับทุกข์ และยุติการเกิดหรือวนเวียนในสังสารวัฏ

๒๔.อายุหมด ทรัพย์ก็หมด ชีวิตใกล้อัสดงแล้วนับคืนวันดีกว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อำนาจ ตำแหน่ง......มันก็คือเมฆหมอก สิ้นภพเงินก็คือใบไม้แห้ง ธรรมดาของการติดอยู่ในภพในภูมิ

๒๕.เมื่อสำเร็จความโกรธแล้วจิตก็เศร้าหมองพึ่งชำระความโกรธด้วยปัญญาเห็นทุกข์โทษภัยแจ้งเหตุปัจจัยในสิ่งที่เกิดเช่นว่านั้น หรือพิจารณาเห็นสัตว์ต่างกันที่ภูมิจิตภูมิธรรม หรือมีสติปัญญาหรืออุปนิสัยหรือคุณสมบัติต่างกัน หรือใช้อุบายวิธีเมตตาเห็นว่าต่างก็ดิ้นรนแสวงหา มีทุกข์ มีกรรม จิตดวงนี้จึงดับเย็น หรือใช้วิธีท่องข่มจิต เช่น โกรธเขาเราร้อนๆ,เมตตาๆ,โกรธเขาทำไมเขาทุกข์อยู่แล้วๆ,เช่นนั้นเองๆ

๒๖.โลกคือหมู่สัตว์เป็นเวทีแห่งภูมิภพ มนุษย์เป็นสัตว์บำเพ็ญปรับเปลี่ยนภูมิภพแดนเกิดได้ เวลาอนันต์.....เวียนว่ายเกิดดับไม่รู้จบแต่ถ้าปักตรงเป้าเข้านิพพานก็ เอวัง

๒๗.เรามีหนี้สินเกินตัวก็ไม่เป็นไรเพราะเราไม่รู้ เราหยุดปรารถนาไม่ได้ เราต้องรับวิบากกรรมไปก่อน เหนื่อยบ้างหนักบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ใจเราสู้อดทดและมีความเพียรในหน้าที่ รู้จักกินรู้จักใช้ทุกข์ใจก็น้อยลง วิบากกรรมก็ค่อยหมดไป บุญบารมีที่เราสร้างก็ส่งเสริมเราเองแต่ถ้าเราไม่สู้ใจเราก็เศร้าหมองร่างกายก็อ่อนแอ....ทำการใดต้องคำนวณ ตกคำนวณ ตกชีวิต ชีวิตตก

๒๘.ตาก็ฟาง หูก็ตึง เคี้ยวก็ไม่ค่อยได้ กินก็ไม่เท่าไร....เดินก็ไม่ค่อยไหว ข้างในก็แย่ โรคก็หนึ่ง สอง สาม....ยังไม่รู้เรื่องอีกหรือ ยังไม่รู้อะไรเลยหรือ ยังจะอยากอีกหรือ ยังไม่เห็นทุกข์.....เจ็บคงยังไม่พอ.......

๒๙.สูญสิ้นทุกสิ่งแต่จิตมีกุศลยังเป็นผู้เจริญ และถ้าจิตไม่มีกุศลก็เป็นผู้เสื่อมโดยแท้.....มนุษย์วัดกันที่ศีล สมาธิ ปัญญา

๓๐.ติดวัด ติดผ้าเหลือง ไม่เห็นธรรม พบวัดดีพระดีก็ดี พบวัดไม่ดีพระไม่ดีก็หลงทาง ติด จม ผูก เมา ธรรมะจริงๆอยู่ที่ใจเราคือ ต้องฝึกสติ ฝึกปฏิบัติได้ทุกอิริยาบถ(รู้ตัวทั่วพร้อม)ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่สำคัญต้องมีศีล อบรมจิต(ปรโตโฆสะ หรือฟังธรรม) ประคองใจมิให้ไหลไปทางอกุศล เพ่งพินิจพิจารณา(โยนิโสมนสิการ)เพียรละ ชำระบาปอกุศล ทำจิตให้เขารอบ

๓๑.ชีวิตไม่ต้องเป็นพระเอกนางเอกก็ได้ หรือต้องที่หนึ่งหรือที่สุดก็ได้เพราะอยู่ไม่นานและยังดับทุกข์ใจไม่ได้ ยิ่งมียิ่งเจ็บ ยิ่งสูงยิ่งหนาว ขึ้นแล้วลงไม่ได้ สละโลกไม่ได้

๓๒.ธรรมแท้ต้องละกิเลส ไม่ยึดตัว ไม่ยึดตน ยึดคน ยึดธาตุ อนัตตา

                             โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์

                                      ๓ มีนาคม ๒๕๕๙

บทความที่ได้รับความนิยม