วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๔



  สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๔

๑.ตราบใดที่ใจเรายังไม่สะอาด ก็ยังไม่พบสุขที่แท้จริง ได้แต่หัวเราะหรือสุขแวบไปวันหนึ่งๆ

๒.รู้กายรู้จิตรู้ชีวิตรู้ธรรม เมื่อไม่รู้กายก็ไม่รู้จิตไม่รู้ชีวิตและธรรม

๓.จิตที่บริสุทธิ์คือที่พึ่งที่แท้จริง ต้องฝึกพัฒนาจิตให้มีเมตตาปัญญา

๔.อายุ ๖๐ ปี ๗๐ ปี ยังโง่ทำบาปเป็นหายนะแห่งภพ

๕.บุญสำเร็จด้วยใจ เห็นเขาทำดีก็ดีใจ เห็นเขาทำไม่ดีจะติว่าก็ไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ต้องอภัยใจเราก็ไม่ร้อน

๖.ทำอะไรมีอะไรเป็นอะไร ถ้าไม่คำนวณไม่ประมวลประมาณประเมินก็เจ็บหรือตายทั้งเป็น  ตกคำนวณชีวิตตก (วัย เวลา สังขาร ดับ)

๗.เจ็บตรงนั้นแล้วมาเจ็บตรงนี้ เจ็บตรงนี้แล้วมาเจ็บตรงนั้น(ซ้ำๆ) คนเห็นทุกข์เห็นธรรมะใจก็เริ่มละ

๘.ไม่เพ่งพินิจ ก็ขาดศรัทธาในธรรมคำสอน จึงไม่เห็นความจริง หยุดหลงก็หยุดปรุงแต่ง ดับหมด

๙.ใจรู้จึงละ  ใจละจึงอิสระ  ใจอิสระจึงว่าง  ใจว่างจึงหลุดพ้น แต่กว่าจะรู้เจ็บมานาน บ่มมานาน เด็กๆร้องตายร้องยาวๆ

๑๐.พันล้าน เพชรเต็มมือ ขึ้นไปถึงยอดทุกข์ดับแล้วใช่ไหม

๑๑.หามาก็ทุกข์ ได้แล้วก็มารักษา พอจากไปก็ทุกข์ มีเท่าที่จำเป็นและต้องใช้ทุกข์ก็น้อยจิตก็เบาดับก็สบาย

๑๒.สัญญากรรม สัญญาบาป ผูกพันข้ามภพข้ามชาติ กรรมดำไม่ทำดีกว่า เครียด หลอน

๑๓.ไม่รู้เรื่องจิต จบไม่สวย

๑๔.หาที่พึ่งผิด ทุกข์ไม่มีวันดับ คนไม่มีที่พึ่งร้องไห้ เช่น จิตที่ไม่มีกุศลใจจะแห้งเหี่ยว

๑๕.จะยุ่งเกี่ยวสิ่งใดต้องรู้จักสิ่งนั้น เช่น คบคน ซื้อหรือใช้ของ ถ้าไม่รู้เจ็บยาว

๑๖.ไม่มีผู้ใดอยู่หรือมีความสุขด้วยการผิดศีลธรรม ใจที่บริสุทธิ์เป็นสุขที่แท้จริง

๑๗.หากินเพลินจนลืมจิตวิญญาณ จบไม่สวยทุกข์ ไม่มีดับภพ เคลื่อนต่อ...เหมือนเรือไร้หางเสือ รถไม่มีเบรก

๑๘.วิธีแก้วิตกในงาน คือ อย่าให้งานค้าง ทำให้สุดทาง ไม่มาให้ทวงถาม ซ้อมรบฝึกฝนเคยชินเครื่องมือ ไม่รู้ถาม ศึกษาเพิ่ม วางแผนให้ชำนาญ เคียงประสานให้รอบ

๑๙.ทุกชีวิตเหมือนเกลียวคลื่น เกิดปรากฏดับนับไม่รู้จบ อำนาจลาภยศก็คือเงาที่อยู่ในน้ำ  มาหลงกับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน

๒๐.เมื่อเราเห็นความตายรออยู่ข้างหน้า ความอยากความหวังมันก็เบาลง ใจเราก็สงบ จิตที่ติดอยู่ก็เริ่มละ

๒๑.มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ดี ฝึกแล้วประเสริฐ ถ้าไม่ฝึกก็ร้ายกว่าสัตว์ ฝึกกายมีศีลฝึกสติมีธรรมจนสุญโญ

๒๒.ธรรมะของจริงใช้หัวใจกำหนด รู้เห็นจิต แจ้งใจ ใจนึก ใจคิดกุศลอกุศล  หลงไม่หลง ยึดไม่ยึด ไม่เห็นทุกข์ยาว

๒๓.โลกคือสุสาน ของชั่วคราว มั่นหมายอะไร อายุหมดหมด (อายุคือทรัพย์)

๒๔.ชีวิตไม่ต้องเป็นพระเอกนางเอกที่หนึ่งที่สุดก็ได้ เพราะไม่ยั่งยืน ดับทุกข์ใจไม่ได้ แต่กลับเป็นถ่าน กับขี้เถ้าธุลีดิน

๒๕.คนทำงานจิตสงบ ยิ่งฝึกฝนกำลัง ทักษะ เทคนิคก็เกิด ธรรมก็ได้ยังอกุศลมิให้เกิด ความเจ็บก็น้อยลง

๒๖.ดับโกรธต้องกำหนดรู้ พิจารณาเห็นทุกข์โทษภัยแจ้งเหตุปัจจัยในสิ่งที่เกิด หรือใช้เมตตา เห็นสัตว์ต่างกันที่ภูมิจิตภูมิธรรมสติ
ปัญญาอุปนิสัยหรือคุณสมบัติและดิ้นรนแสวงหามีทุกข์กันมาวนอยู่ในวัฏฏะ เมตตาอภัยใจก็สุข

๒๗.ความทุกข์ร้อนในใจคือบาป เป็นกรรมที่ได้ก่อ หรือสั่งสมมา....อดีตร้ายๆอายุมากหลอน หลับ ลืมไม่ลง

๒๘.อุบายดับอยาก คือต้องกำหนดรู้พิจารณาเห็นโทษภัย ภาระความแปรเปลี่ยนอายุไข ความดับและติดวัฏฏะ เช่น มีมากต้องรักษา มีปัญหาเวลาไป

๒๙.ชีวิตคือความว่างเปล่า เกิดแล้วดับ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เราเพียงผ่านหรือใช้กาลเวลาแวบหนึ่งที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของตัวเราและสิ่งนอกตัวเราได้
 
๓๐.เราอายุไม่ยืน เราอยู่ได้ไม่นาน เราไม่รู้ว่าเขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าไร 

๓๑.ถ้าเปลี่ยนให้เขามีสัมมาทิฐิไม่ได้ ก็ต้องให้วันเวลา เหตุการณ์ความเจ็บ ความสูญเสีย หรือกฎกรรมเป็นผู้สั่งสอนเขาหรือให้ไปชดใช้ภูมิภพ

๓๒.หลงกับสิ่งที่เอาไปไม่ได้ไม่ฉลาด ชีวิตที่ใกล้อัสดง ถ้ายังละยังวางไม่ได้ ประมาท เมื่อทุกข์วางไม่ได้ แล้วจะไปสุคติได้หรือ

๓๓.สิ่งที่กลัวที่สุดคือกฎแห่งกรรม มีสัญญาทั้งบุญทั้งบาป จิตดวงนี้ได้บันทึกไว้ทั้งหมด ทั้งหลักฐานพยานที่มืดที่สว่าง ผุดหรือนึกทีไรบ้างใจก็เศร้าหมอง บ้างอาฆาต

๓๔.จิตที่ตั้งดี ก็มีธรรมวินัย ใจก็ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ไปขอพรอ้อนวอนหรือกราบไหว้ความสำเร็จของผู้อื่น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องบ่มอินทรีย์

๓๕.ชีวิตที่สงบต้องไม่เบียดเบียน ถ้ามีปัญญาจิตก็จะยิ่งดับเย็น ดับก็หลับสบาย

๓๖.ไม่มีความอดทน ก็จะเสียความเป็นคน เป็นเหยื่อวัฏฏะ ชีวิตต้องอดทน หัวใจต้องอดกลั้นได้ ชื่อว่ามีพื้นธรรม

๓๗.ร่างนี้กำลังเดินไปสู่ความแตกดับ ดินสู่ดิน น้ำสู่น้ำ ลมสู่ลม ไฟสู่ไฟ บังคับบัญชาไม่ได้  ไม่ใช่ของเรา เป็นทุกขัง แล้วของอื่นจะเป็นของเราได้อย่างไร

๓๘.เรากำลังเดินทางอยู่ โลก คือทางผ่านหรือเป็นจุดหรือภพหนึ่งของอนันต์จักรวาล  เราเปลี่ยนร่างมานับไม่รู้กี่ล้านๆหลังแล้ว....เรามาจากไหนกัน...ดับแล้วจะไปไหนต่อ...หากินไม่รู้ดับ ฆ่าเวลา ชีวิตจบไปภพหนึ่งๆ 

๓๙.เกิดมาเพื่อดับ เพื่อเป็นทาสกิเลส เพื่อขยายภพภูมิ ชีวิตจะโมฆะวิบัติ  ไม่เห็นภัย ต้องไปต่อ ไม่รู้จบตรงไหน

๔๐.ศึกษาค้นคว้าเพื่อทำความเห็นให้ถูก ลงมือปฏิบัติ ฝึกฝนบ่มอินทรีย์เพื่อแจ้ง ปฏิเสธธรรม ปฏิเสธความจริง จะไม่รู้คำตอบชีวิต

๔๑.เราเดินออกจากนรกหรืออยู่ในนรก ศีลปิดอบายภูมิ  โลกคือจุดหรือภพหนึ่งๆของเส้นทางผ่านอนันต์จักรวาล จะไปไหนต่อ หากินมีธรรม พินิจถึงภพถัดไป ก็สบายเย็น

๔๒.พึ่งผู้มีอิทธิพลเราก็อยู่ใต้เขา พึ่งผู้มีกิเลสเราก็บริสุทธิ์ไม่ได้ พึ่งพระเจ้าพึ่งพระก็ช่วยเราไม่ได้ เพราะพระเองก็ยังหาที่พึ่ง
ต้องพึ่งธรรม

๔๓.ระบบการศึกษาอย่างน้อยต้องทำคนให้เป็นคน  ถ้าให้ดีต้องเป็นเทพ เป็นพรหม เป็นอริยะ

๔๔.ชีวิตหลังเกษียณต้องเตรียมดับ รักษาร่าง หยุดใจที่ใฝ่หาวิธีจากสิ่งผูก จิตจะสงบ เมื่อดับ สุคติมีหวังดั่งถูกอุปโลกน์ขึ้นแล้วดับ

๔๕.หลายสิ่งที่ไม่เห็น หลายอย่างที่ไม่รู้ แม้ได้ยินได้ฟัง ใช่จะรู้หรือเข้าใจได้เลย บ้างเป็นปี สิบๆปี หลายๆภพ หรืออนันต์ชาติ แต่ถ้ายิ่งเจ็บยิ่งรู้ยิ่งแจ้ง(ต้องพินิจ)

๔๖.ทำงานจิตสงบ ถ้าไม่ทำงานก็ฟุ้ง อกุศลเปิด มีเจ็บยังให้ผล

๔๗.แรงกรรมหนีไม่ได้ หนี้ทรัพย์ใช้ทรัพย์ หนี้เลือดใช้เลือด หนี้ชีวิตใช้ชีวิต ยิ่งรู้ยิ่งเห็นภัย

๔๘.เห็นธรรมเห็นมีแต่ดับไป ก็ไม่แบกไม่หาม สิ้นสงสัย หมดคำถาม เพ่งโลกที่จะต้องจากไม่กะพริบ

๕๐.โลกคือไอติม เราคืออนุภาคของไอติม ติดอะไร ติดสมมุติ จะไม่เห็นวิมุติ

๕๑.มีธรรมดำรงอยู่ ก็เป็นธรรม ไร้ธรรมดำรงอยู่ ก็ไม่เป็นธรรม

๕๒.กรรมกำหนดภพ เรากำหนดได้ จะสวรรค์หรือนรก หรือจะเด็ดยอด ทำลายสังสารวัฏ (อินทรีย์ต้องแก่)

๕๓.สังคมที่ติดวัตถุ จะทำให้คนเป็นบ้า เป็นประสาท และเครียดมาก หลงไม่รู้ดับ พากันดับทั้งเป็น

๕๔.ลมหายใจที่มีธรรมจะเบา แต่ถ้าโกรธแค้นจะหนัก เมื่อยินดีลมก็ไม่คล่อง

๕๕.ใจที่เมตตาจะเย็น เป็นฌาน แต่ใจที่ร้าย จะร้อน ไม่สงบ

๕๖.ความจริงในโลกนี้ถูกฉาบทาหรือมีม่านหรือความต่อเนื่องปิดบังกันไว้ เช่น มองทะลุหนังเห็นพังผืด อสุภะ ผมดำเป็นขาว เป็นดิน

๕๗.เมื่อประกอบหรือสั่งสมกรรมหรือเหตุไม่ดี เราจะอยู่กับปัจจุบันขณะไม่ได้  ใจไม่สงบ เพราะมีสัญญากรรม
สัญญาบาป

๕๘.เห็นภัยใจก็ละ แต่จะเจ็บที่เท่าไร เทพ พรหม ยม อินทร์ หมดบุญก็ต้องลงมาเจ็บ

๕๙.เมื่อติดสุข ก็ออกห่างธรรม ต้องรอให้เจ็บชัดๆถี่ๆเต็มๆ

๖๐.ละบาปก็เพื่อรักษาจิต เจริญกุศลก็เพื่อให้จิตชุ่มชื้น ชำระจิตเพื่อดับทุกข์  เริ่มที่ศีล ฝึกสติ มีธรรม ดับเย็น เมื่อดับก็สบาย

๖๑.ยิ่งให้ยิ่งได้  ยิ่งขอยิ่งเสีย ผู้ให้เป็นที่รักแข็งแรง  ยืนด้วยตนเอง

๖๒.เอากายแลกจิต เอาชีวิตแลกธรรม ภพก็ดีขึ้น แต่กว่าเราจะได้เห็นธรรม ชีวิตก็ใช้จะหมดแล้ว

๖๓.เขาโกงเรา ดีกว่าเราโกงเขา เพราะเรารวยกว่าที่มีธรรม ส่วนจิตเขานั้นจนจนเป็นโจร

๖๔.ฟังธรรมให้รู้ภาวนา ให้เห็นเพื่อที่วางใจหรือวางท่าที่ต่อโลกได้อย่างเย็น ยิ้ม

๖๕.คนมีปัญญาจะบอกความจริง เพราะเกิดจากความรู้สึกตัว  ถูกกระทบหรือเจ็บ แต่ถ้าศึกษามาเรียนมาจะบอกตามสัญญา

๖๖.ตามรู้การเคลื่อนไหวกายย่อมเกิดสุข เพราะมีสติจิตอยู่กับตัว เมื่อทำงานมากใจก็สงบ จิตก็ตั้งได้ง่าย ถ้าพินิจปัญญาก็เกิด

๖๗.เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แต่เด็กยันแก่ เป็นคนมีตัว ไม่เห็นตัว แก่เข้าไม่ถึงธรรม เป็นกรรมที่สั่งสมมา

๖๘.หากินแล้วก็ดับ ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าอยู่ต่อแล้วไปขยายภพชาติดับเสียดีกว่า ทิ้งดาบ สำนึกบาป จิตก็เป็นพุทธะ

๖๙.ทิ้งดาบ สำนึกบาป จิตก็เป็นพุทธะ เวลาของเราใกล้จะหมด หมอพระเจ้าก็ช่วยเราไม่ได้

๗๐.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้  ไม่พึงมั่นหมาย

๗๑.ระวังไตรลักษณ์กำลังบดขยี้เราและสิ่งนอกตัวเรา เตรียมแผนซ่อมบำรุง เช่นกายที่ป่วย รถที่เริ่มซ่อม

๗๒.เมื่อเจ็บหมื่นครั้ง เสียหายพันครั้ง สูญเสียร้อยครั้ง บ้างก็ฉลาดมาก เพราะเห็นทุกข์โทษภัย ใจก็ละก็วาง
ซึ้งถึงธรรม เจ็บไม่จำ ช้ำจนตาย

๗๓.อายุมากต้องเตรียมดับรักษาร่าง หยุดใจที่ปรารถนา หาอุบายวิธีจากสิ่งใดๆ ต้องสละโลกให้ได้ ถ้าไม่ได้ทุคติอันมีหวัง

๗๔.ฟุ้งซ่านทำให้บาดเจ็บ เผลอสติก็ฆ่าตัวเอง ความคิดเบรกได้ดับได้ อยู่ที่การสร้างเหตุ(กรรมดำหรือกรรมขาว)

๗๕.ข่ายเสมอด้วยโมหะไม่มี ทางออกคือมรรค ๘ กำหนดไปที่ทิศดับ รู้ทิศ รู้ทาง รู้จุดหมาย เห็นจุดจบ เบา

๗๖.สูญสิ้นทุกสิ่ง ก็ไม่เป็นผู้เสื่อม ผู้เสื่อมโดยแท้คือผู้ที่ไม่มีกุศลจิต ไม่มีปัญญา

๗๗.มองคนด้วยกิเลส เราก็เกลียดเขา เพราะเราขาดสติ  ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาเหตุปัจจัย ตามความเป็นจริง
เช่น มนุษย์ต่างด้วยอุปนิสัยสติปัญญา

๗๘.ทางสายกลาง มรรค ๘ ใจที่ไม่ยินดียินร้าย โลกคือทางผ่าน มาดื่มอาบเคี้ยวกินเสร็จแล้วก็ไป

๗๙.คนหลง คนเมาไม่เห็นพระสัทธรรม ดิ้นรนและแบกจนดับชีวิตโมฆะ เช่น ติดใจมากก็ทุกข์มาก ดิ้นรนมาก หรือไม่รู้เกิดรู้ดับ ก็ไม่รู้ภพที่จะไป

๘๐.ติดใจมากเท่าไร ทุกข์ใจและความวุ่นวายก็มากขึ้น การแสวงหาการดิ้นรนและแบกก็มากขึ้นถูกมารหลอกจนดับ หากินจนตาย

๘๑.ชีวิตเหมือนชิ้นเนื้อที่ปิ้งอยู่  ผ่านแล้วผ่านเลยไม่ไหลกลับ เกิดดับสืบต่อเนื่องไม่ขาดสาย เป็นอนันต์วนเวียนไปตามภพน้อยใหญ่ ถ้าโน้มธรรมก็เห็นทาง

๘๒.ฟังมาจำมาเรียนมา ไม่ใช่ปัญญาเป็นสัญญา แต่ถ้าเกิดจากความรู้สึกตัวถูกกระทบหรือได้รับความเจ็บปวดทรมานเสียหายหรือสูญเสียก็จะเป็นปัญญา ยิ่งปฏิบัติยิ่งละเอียด ต้องขยัน อดทน (พื้นธรรม)

๘๓.ผู้ให้เป็นที่รัก เป็นผู้แข็งแรง ยืนได้ด้วยตนเอง อดทนและเพียร ยังเกิดมรรคผล ส่วนผู้ขอก็ไม่เป็นที่รักและสิ่งเช่นว่านั้นเลย

๘๔.ใจที่มีแต่ความเมา  น่ากลัว ผิดทาง หลงทาง ไม่เห็นทาง พ้นทุกข์ไม่ได้ แต่กลับทำร้ายจิตตน วนในสังสารวัฏ

๘๕.ชีวิตยากที่จะคาดคะเน  ยากที่จะคาดเดา  ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเราบริวารของเรา 

๘๖.คบกับคนไม่มีศีลเขาทำร้ายเราได้ คบกับผู้อิทธิพลเราก็อยู่ใต้เขา คบกับคนพาลก็ทุกข์ทุกเมื่อ คบผิดคนเจ็บตัวเจ็บใจมีภัย

๘๗.ไม่พอชีวิตลำบาก ได้มากถูกแย่งชิง ไม่มีไม่ได้ ไม่มีใครเบียดเบียน ไม่ทุกข์ เบา

๘๘.ไม่รู้ตาย ไม่รู้ดับ ยาว ไปยาว ยาว จนกว่าจะเห็นทุกข์โทษภัย จิตก็เริ่มตั้ง มีสติเพ่งพินิจพิจารณา ปัญญาก็เกิดขึ้น

๘๙.มนุษย์มีเวลาน้อย จะได้สิ่งใดมา ก็ต้องจากนั้น

๙๐.เขาทำอย่างไร ก็เป็นกรรมของเขา ความเจ็บความสูญเสีย จะสอนเขาเอง เขาเห็นได้เท่านั้น

๙๑.ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่มาแบกพระพุทธรูปหรือพระธรรม แต่อยู่ที่การฝึกฝน อบรม รักษาจิต บ่มอินทรีย์ให้แก่ จะเสื่อมหรือเจริญก็อยู่ที่จิตฝ่ายเดียว จิตดีทุกอย่างก็ดี

๙๒.เมื่อบอกหรือเตือนเขาอยู่บ่อยๆเนืองๆแล้วก็ยังเปลี่ยนเขาไม่ได้ คงเป็นกรรมที่เขาได้สั่งสมมา ก็ต้องปล่อยเขาไปให้ไปชดใช้ภพภูมิวิบากก่อน

๙๓.เมื่อชราแล้ว เป็นผู้นำเขาสูงสุดแล้ว ถึงยอดเขาแล้ว ปีนขึ้นต้นไม้ถึงยอดแล้ว ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือได้มอบหมายสิ่งที่ได้มานั้นแก่ลูกแก่หลานแล้ว จะไปไหนต่อ ทิ้งใจไปนาน จะออกจากภพยังไง

โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

บทความที่ได้รับความนิยม