วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๒




๑.แม้ไม่มีธรรมแต่ผลรวมของความเจ็บและตายนับครั้งไม่ได้(อนันต์ครั้ง)จะสอนเรา ทำให้สวิงเข้าสู่กระแสอริยะเพราะสติตั้งและงอมในทุกข์ รู้ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ เจ็บมากๆปัญญายิ่งเกิด เช่น เมื่อมีเหงื่อ เลือด น้ำตา เงิน ทรัพย์ไหลออกเราจะจำและพิจารณา.....เจ็บไม่จำช้ำจนตาย

๒.โกรธเขาเราโง่เพราะรู้ไม่จริง ถ้ารู้ใจก็ยอมรับเข้าใจในเหตุปัจจัยกลับเมตตาสงสารเขา

๓.อย่าหนีรถคันเก่า บ้านหลังเก่า ข้าวของเก่า ติดวัตถุจิตก็ถูกทำร้าย ยิ่งปรารถนาทุกข์จะเข้าแทนที่ เด็กๆร้องตาย ร้องยาวพอแก่เริ่มแน่ชัด

๔.ทยอยหายกันไปเรื่อยๆ ที่ละคน สองคน หลายๆคน แตกดับกันหมด ย้อนเวลาไม่ได้ ณ จุดๆหนึ่งหรือตำบลที่ของเส้นทางอนันต์ในสังสารวัฏ แต่จิตดวงนี้ยังท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่ตามกฎกรรมที่ทำมา ไม่มีใครช่วยใครต่อให้เป็นพระเจ้า เทพเซียนน้อยใหญ่ หมอหรือห้อมล้อมเดินกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อกรรมสำเร็จ บาปให้ผล สายไปเสียแล้ว

๕.เราต่างไม่รู้เลยว่าจะอายุสั้นหรือยาว จะป่วยเป็นโรคอะไร จะตายตอนไหนเมื่อใด ทั้งตายแล้วจะได้เกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าบาปไม่ก่อ มีบุญกุศล ปรโลกหน้าก็ไม่ต้องกลัวจะเห็นภูมิที่จะไป และมีความอาจหาญต่อยมบาล หากินแล้วก็ดับ หากินเบาๆ อยู่ก็เย็นไปก็เย็น อยู่กันไม่กี่วันคืนก็ไป เอาเปรียบเอากำไร ตายกันหมดจบกันหมด เวลาเหลือน้อย

๖.ยิ่งไม่พอ ยิ่งเดือดร้อน ยิ่งก่อภพ ยิ่งติดใจ ยิ่งจม ยิ่งเมา ติดอยู่ในสังสารวัฏ

๗.โบสถ์ วิหาร เจดีย์ บทสวด พุทธรูป รูปปั้น เครื่องแต่งกาย สถานะ บทบาทเป็นเพียงเครื่องมือหรือสิ่งงามเพื่อเป็นแนวทางให้ก้าวไปแต่ไม่พึ่งติดผูกจะทำให้จมหรือเมาจะไม่เห็นสัทธรรมที่แท้จริง จุดสำคัญอยู่ที่จิต คิดดี พูดดู ทำดี มีสัจจะรักษาหน้าที่เสมอๆ หรือมรรค ๘ หรือศีลสมาธิปัญญาหรือประคองจิตมิให้เกิดอกุศลถ้าเกิดชำระด้วยปัญญาชำระขัดเกลาไปทุกๆวันจนขาวรอบ การประพฤติธรรมสำคัญอยู่ที่จิตต้องฝึกสติจนเป็นมหาสติเพื่อให้สติกำหนดรู้ทันคุมจิตมิให้ผิดธรรม เวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว...รูปังอนิจจัง รูปังอนัตตา

๘.ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีธรรมขาดธรรมแห่งอำนาจชีวิตจริงไม่สุข ระแวงเพราะทำเขาไว้เยอะหาคนที่จริงใจด้วยก็ยากที่เดินตามเข้าใกล้ก็หวังแต่จะได้เท่านั้น สุดท้ายไปคนเดียวเจ็บคนเดียว รับเต็มๆ สำเร็จเอกลาภชาตินี้ภพนี้แต่ไม่คำนึงถึงภพภูมิถัดไปอันตรายเป็นผีร้องไห้ การเป็นไอ้จุกไอ้แกะไอ้จิ๋วไอ้จ่อยดีแล้วไม่ต้องเหนื่อยใจมีหน้าที่ใดก็ทำไปนะและอย่าไปขัดคอขัดใจเขานะ(ขัดคอก็เวรอยู่ไม่สุข) ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่จะเกิดผลกรรม

๙.รู้ในสิ่งที่ใช้เข้าใจในสิ่งที่จากเพราะทุกสิ่งจะจากเราไปและเราเองก็กำลังจะจากโลกนี้ ๖๐ ปี แล้วนะ ๗๐ ปี แล้วนะ ไม่ต้องไปคุยนะว่าเรามีร้อยล้าน พันล้าน มีนี้มีนั้นมีโน้น เป็นนี้เป็นนั้นเป็นโน้น และไม่ต้องไปแต่งสวยร่างมันพังแล้วพังเสื่อมแล้ว แต่พึ่งรู้ในภพภูมิที่จะไปดีกว่า  เวลาเหลือน้อย ส่วนเด็กต้องหมั่นเพียรเรียนรู้ พอโตหน่อยอะไม่ควรมีอย่ามีนะเดี๋ยวมันทำร้ายจิตเรา ดิ้นตายเลย เหนื่อยตายเลยนะ

๑๐.ชีวิตอยู่ความดิ้นรนมากหยุดไม่ได้ ถ้าให้ความตายมาหยุดจิตก็เศร้าหมอง เมื่อขยับฐานะหรือสถานะภาระก็เพิ่มขึ้น ขึ้นไปทำไม แม้ไม่ลงเขาก็ให้ลง เจ็บนะ

๑๑.เราลำบาก เราเหนื่อย เราหิว เราไม่ได้พัก เราไม่ได้หยุดแบบคนอื่นเขาก็ไม่เป็นไรเพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ เหตุปัจจัย ความเป็นมา หรือกฎกรรมจึงได้ดำเนินมาอย่างนี้เป็นอย่างนี้ แต่ขอให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดี(อาชีพชอบ ทำชอบ)บุญบารีก็เกิดใจเราก็สงบ แต่เราไม่รู้กลับไปอยากนี้อยากนั้นอยากโน้น ใจเราก็ไม่สงบได้มาแล้ว หรือไปมาแล้วก็เกิดทุกข์เดือดร้อน เสียเงิน เสี่ยง หรือสุดท้ายก็ได้แค่โลง ถูกสุขหลอกไปทุกข์

๑๒.มนุษย์สัตว์ต่างด้วยสติปัญญา อุปนิสัย เหตุปัจจัย ความเป็นมาทั้งภูมิจิตภูมิธรรมแต่เป็นสัตว์บำเพ็ญและพัฒนาที่จะเข้าถึงความจริง(ปรมัตถธรรม)เพื่อยุติสังสารวัฏหรือไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกหรือนิพพาน

๑๓.การรักษาจิตคือการไม่ทำบาป

๑๔.แม้ความตายรอเบื้องหน้าก็เปลี่ยนความเชื่อความเข้าใจความคิดความเห็นให้เขาเห็นความจริงก็ไม่ได้เป็นดวงจิตที่มืดบอดเป็นกรรมของสัตว์ที่ได้สะสมมา มนุษย์สัตว์ต่างเห็นความจริงไม่เสมอกัน ถ้าเห็นแจ้งชัดก็ปลอดอวิชา ไม่เมา ไม่หลง ไม่ติดในภพในรูปตัวตนคนสัตว์ต้นไม้สิ่งของ

๑๕.มนุษย์ที่แสดงกันอยู่ของจริงหรือของปลอม เสแสร้งหรือมายา พูดจริงหรือหลอก ยิ้มหรือเลศนัย ให้จริงหรือหลอกใช้ ลิเกๆ มนุษย์ไม่มีศีลคนไม่มีธรรมก็ย่อมหลอกและเบียดเบียนกันเป็นธรรมดาแต่ก็ต้องชดใช้มีวิบาก

๑๖.ยิ่งให้ใจก็สละ ยิ่งขอใจก็อยาก ใจที่ไม่มีธรรมจะมีแต่ความอยาก

๑๗.ไม่มีไม่ทุกข์ ถ้ามีมีตามกำลังถ้าเกินจะเดือดร้อน เจ็บ เจ็บยาว แต่ถ้ามีมากก็จะไม่อยากตายจะมีปัญหาต่อภพภูมิที่จะไป

๑๘.คบคนเช่นใดก็เป็นคนเช่นนั้น คบคนก็เป็นคน คบสัตว์ก็เป็นสัตว์

๑๙.ไม่พอใจในหน้าที่การงาน ถิ่นที่อยู่ บุคคล ฐานะ สิ่งที่มีที่เป็นที่ได้หรือสิ่งที่ถูกกระทบสัมผัสใจก็เป็นทุกข์ ยอมรับมันให้ได้ใจจะได้เป็นสุขเพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุปัจจัยความเป็นมาและจะแปรเปลี่ยนสลายดับไป อย่าไปทุกข์กับมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราไม่ได้อยู่เช่นนี้เลยไปหรอก เดี๋ยวมันดีเองๆ ทำหน้าที่ของเราให้ดี

๒๐.ทิฎฐิ มานะบดบังปัญญา เอกลาภ สักการะฆ่าคนโง่

๒๑.กรรมใดที่ทำแล้วเดือดร้อนใจภายหลังต้องมีโศกาและเสียหาย จิตจะไม่สงบ แม้คิดบวกได้ก็ไม่นานเป็นเพียงอุบายข่มจิตหลอกตนทั้งปัญหาหรือเหตุที่สร้างไว้ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาหรือถูกแก้ไข แต่จิตที่บันทึกกรรมนั้นก็มีสัญญาปรากฏผุดขึ้นเนื่องๆ จิตย่อมเศร้าหมอง ควรเว้นกรรมไม่ดีเสีย (บาปไม่ทำเลยดีกว่า)

๒๒.กุศลนำสัตว์ให้ไปเกิดในทางเจริญ อกุศลนำสัตว์ไปสู่อบายภูมิ จิตบันทึกในสิ่งที่ทำในกรรมที่ก่อแต่ละขณะๆตามฟังก์ชันเวลาให้ผลทั้งปัจจุบันและอนาคต เช่น คนแก่ที่ทำกรรมไม่ดีมาจะนั่งคิดนึกเรื่องราวในอดีตหลายต่อหลายเรื่อง ใจก็ไม่สงบใบหน้าก็คล้ำดำหมอง แววตาน้อยลงๆ

๒๓.โทษของความอยากมองเห็นได้ยาก มันชั่งหนาวเหน็บและซ่อนความเจ็บไว้ คลายช้า เจ็บนาน ชั่งเป็นยางเหนียวถึงเจ็บซ้ำบ่อยๆอีกก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าถี่ๆ ชัดๆ เต็มๆ สติจะตั้งเพียงพอที่จะเพ่งพินิจพิจารณาเหตุปัจจัยได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ต้องเจริญภาวนาบ่อยๆมีอุบายวิธีตัดหรือดับ เจ็บไม่จำช้ำจนตาย เด็กหรือคนที่ไม่เห็นทุกข์เจ็บตาย ร้องตายร้อนนานเพราะความไม่รู้ แม้เจ็บอยู่ร้องอยู่ก็ไม่รู้ ส่วนชราจะรู้เนื่องจากสะสมเจ็บมาและมีการเพ่งพินิจ

๒๔.อัตภาพนี้แปรปรวนอยู่ตลอด มีอาพาธเป็นมูลทนอยู่ไม่ได้ ไหลลงสู่ดิน อยู่กันคนละแวบยึดติดผูกพันแน่นเหนียวไปทำไม เอาไปไม่ได้เว้นบุญและบาป

๒๕.ยิ่งรู้ยิ่งดับเย็นใจก็สงบไม่เร้าร้อนดิ้นรนทะยานอยาก สุญโญแตกดับกันหมดหาไปทิ้งหาไปทำไม

๒๖.การทำบุญที่หยาบที่สุดคือการให้ทานค่าดังเม็ดกรวดเม็ดทราย แต่ถ้าเพียรแผดเผา ขัดเกลาถอดถอนชำระกิเลสก็เป็นบุญขั้นสูงสุดค่าดังเพชรเม็ดงามๆ แต่แค่เพียงมีศีลก็เยี่ยมแล้ว

๒๗.โลกคือหมู่สัตว์และสุสานเป็นเวทีแห่งภูมิภพเวียนเกิดดับไม่รู้จบออกได้ทางเดียวคือ มรรค ๘ เพื่อไม่ต้องเกิดอีก ไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่เป็นวิทยาศาสตร์ลิมิตฟังก์ชันเวลาอนันต์เหตุปัจจะโย....

๒๘.ทำกรรมใดใจก็เห็นเป็นกฎสะท้อนยากที่จะลบเป็นแผลใจเหมือนไฟเลีย ทำหรือสะสมกรรมไม่ดีขาดทุนขยายภพภูมิ และอย่าอยู่คนเดียว

๒๙.สมบัติของโลกเป็นสิ่งชั่วคราวเป็นของคนมีชีวิต ชีวิตจะหมดแล้วนะ

๓๐.จิตสงบเพราะมีปกติมาก่อน(เห็นชอบคิดชอบทำชอบพูดชอบอาชีพชอบ)หรือมีศีลถ้าไม่ปกตินั่งหรือทำสมาธิไม่ใช่เป็นเพียงรูปแบบ ท่า หรือเท่ ฝึกสติเห็นจิต ใจนึกใจคิดกุศลหรืออกุศลแล้วประคองรักษา หาอุบายวิธีหรือพิจารณาเหตุปัจจัยดับอกุศลที่เกิดทุกข์ใจก็ดับ ถ้าเพียรชำระบ่อยๆจิตก็สะอาด

๓๑.เชื่อธรรมชีวิตไม่วิบัติ ฟังประเทศโทษก็ไม่มี เคารพอาวุโสเข้าธรรม บูชาอริยะถึงธรรม คารวะผู้ใหญ่ไม่มีตาย อยู่สบาย แต่ถ้าโวยวายฟ้าดินก็ลงโทษ ผู้มีอำนาจก็จัดการ เคารพเชื่อฟังเป็นกฎธรรมด้วยเหตุสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่

๓๒.ชีวิติที่ไม่ฉิบหายคือชีวิตที่ได้ยินพระสัทธรรม พุทโธ! โอ้โฮ ธัมโม! โอ้โฮ สังโฆ!โอ้โฮ

๓๓.ไม่พึงถือสาเอาความหรือติดใจกับคำพูดหรือการกระทำของมนุษย์ผู้กิเลสหนาเพราะเขาไม่รู้และติดอยู่ในภพมานาน ใจรู้ไม่ยึด ใจยึดติดยังไม่รู้

๓๔.เรามีโรคเบาหวาน ไขมัน ความดันก็ไม่เป็นไร หรือตับ ไต ปอด หัวใจเราเสื่อมก็ไม่เป็นไร หรือไขข้อ กระดูก ฟันเราไม่ดีก็ไม่เป็นไร หรือเราจะลุกโอยนั่งโอยก็ไม่เป็นไรเพราะร่างกายเป็นรังของโรคบังคับบัญชาไม่ได้ มันไม่เที่ยงและเสื่อมลงไปแล้วทุกๆขณะๆ เป็นธรรมดาตั้งอยู่ได้ไม่นาน.....ก็ต้องแตกดับ

๓๕.เมื่อเห็นคนงามหรือหล่อหรือสวยพึงกำหนดเพื่อละกำหนัด(กำหนัดรีบกำหนดหรือกำหนดรู้หรือมีสติกำหนดรู้ความนึกคิดอารมณ์ความรู้สึก) โดยระลึกอสุภะ(อสุภสัญญา)จะคลาย....ดับ หรือภาวนาว่า ตกขาวๆ,พังผืดๆ,เมือกๆ,หนองในๆ หรือผม ขน เล็บ ฟัน หนัง หรือเนื้อ เอ็น กระดูก หรือคำใดๆ หรือมโนทุบหัวหรือศีรษะให้แตกจะเห็นเยื่อมันสมองในกะโหลกศีรษะ......เพื่อข่มหรือหยุดการปรุงแต่งจิตหรือใช้วิธีพิจารณาให้เห็นทุกข์โทษภัยเพื่อละเพื่อวาง (ต้องมีปัญญาละ วาง หรือไม่ยึด ส่วนละๆยึดๆ วางๆยึดๆไม่ใช่ปัญญาเป็นเพราะเจ็บ เจ็บจริง แต่พอหายเจ็บเอาอีก

๓๖.ไม่มีแต่อยากมีดิ้นรนจนตาย แต่ถ้ายิ่งมีมากก็ยิ่งอยากใหญ่ แต่ร่างไม่ไปด้วย หากินต้องดูวัย เวลา สังขาร เหตุปัจจัยและสิ่งเกื้อกูลอิงอาศัย

๓๗.พระเจ้าเทพเซียนไม่ใช่ที่พึ่ง โบสถ์วิหารเจดีย์ก็ไม่ใช่ที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริงคือธรรมหรือบุญหรือมรรค ๘ ติดเปลือกไม่เห็นธรรม สละโลกไม่ได้

๓๘.ใจที่ไม่มีธรรมะจะมีแต่ความอยากตั้งอยู่ในทุกข์จบไม่ลง

๓๙.หลายคนหวังที่จะมีความสุขในปั้นปลาย เข้าใจผิดความสุขต้องมีทุกวัน วันไหนไม่มีความสุขวันนั้นขาดทุนทางจิตวิญญาณ เช่น หงุดหงิด คับแค้น เคือง โกรธ ฟุ้งซ่าน อยาก วิตก หดหู่หลายนาทีหรือนานหรือหลายครั้งวันนั้นขาดทุนแล้ว แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วันกี่คืน อายุยืนอายุสั้นไม่มีใครรู้

๔๐.คบกับผู้มีอิทธิพลเราก็อยู่ใต้เขา จิตก็ไม่อิสระปิดทางธรรม พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้คบคนพาล แม่ก็บอกคบคนดีนะลูก คบผิดคนเจ็บตัวเจ็บใจมีภัย

๔๑.ธรรมแท้ต้องละกิเลส ไม่ยึดตัวไม่ตนยึดคนยึดธาตุ ติดวัตถุติดเอกลาภไม่ใช่ของจริง ของจริงต้องสละโลก

๔๒.สูงสุดแห่งบุญคือการเข้าถึงปัญญา....เพราะปัญญาชำระ ขัดเกลา ถอดถอนกิเลสน้อยใหญ่

๔๓.เวลากำลังไล่เราออกจากโลก จับๆ ต้องๆ แล้วก็ไป...หวังหรือจะได้กลับมาอีกขึ้นมาอีก เว้นแต่มีศีล หรือเดินตามมรรค ๘

๔๔.คนหยาบไม่สะดุ้งต่อบาป ภพภูมิน้อยใหญ่จะสอนเขาไปเรื่อยๆ

๔๕.จิตที่ยังติดอยู่ประกาศอิสรภาพทางจิตวิญญาณไม่ได้

๔๖.ไม่พอชีวิตลำบาก ได้มากก็เป็นห่วงและถ้าทุ่มสุดตัววันที่ต้องเดินออกจากโลกจิตจะยอมรับไม่ได้ทุคติอันมีหวังภพภูมิมิงดงาม

๕๗.ความสุขสบายเป็นเปลือกของชีวิต แต่ความสงบใจหรือความดับเย็นเป็นแก่นของชีวิต

๕๘.คนสร้างบารมีได้(ทานศีลภาวนา)เป็นสัตว์บำเพ็ญ แต่ถ้าเป็นหมูเป็นหมาหรือเป็นนกหนูปูปีกสร้างบารมีไม่ได้ เทวดานางฟ้าไม่เห็นทุกข์ไม่เห็นธรรมแต่ถ้าได้ฟังธรรมอาจเห็นหรือบรรลุได้

๕๙.ได้เงินมาแล้วทำไมเอาไปทิ้งเหวทิ้งทะเล เช่น ผ่อนหรือซื้อบ้านหรือรถหรือวัตถุราคาแพงและหรือเกินกำลังแห่งตนหรือใช้ไม่คุ้มหรือต้องมาดับมาจากไม่ได้ใช้

๖๐.ตั้งอยู่ในธรรม ยินดีในธรรม เพ่งพินิจพิจารณาในธรรมถึงธรรมเห็นธรรม ธรรมะไม่ได้อยู่ที่การไหว้พระ สวดมนต์ ตักบาตร ทำวัตรเช้าเย็นหรือเอาปิ่นโตไปถวายแต่การกระทำเช่นว่านั้นเป็นเพียงพื้นธรรม เริ่ม ทำไมไม่ขึ้นชั้นมัธยม ไม่ขึ้นชั้นมหาวิทยาลัย ทำไมไม่ทำวิจัย แล้วไหว้พระทำไม สวดมนต์ทำไม.........ทำไม แล้วจะสละโลกได้หรือจะดับทุกข์ได้อย่างไร แสดงว่าทุกข์ยังไม่พอ เจ็บคงยังไม่พอใช่ไหม

๖๑.เมื่อเราเห็นความตายรออยู่ข้างหน้า ทั้งที่มันใกล้เข้ามาและอยู่ใกล้ๆตัว บ้างหรือเท่าปลายหัวไม้ขีดพร้อมที่จะจุดไฟ เช่น ผู้ที่มีโรคภัยไข้เจ็บ ผู้สูงวัย ความอยากความหวังมันก็เบาลง ใจเราก็สงบเริ่มมีอิสระรู้สึกเย็นจนยิ้มมีพลัง เห็นผู้ที่หวัง มั่นหมายหรือดิ้นรนอยู่ แบกอยู่ ว่าเขายังไม่รู้ เขาต้องเหนื่อยต้องเจ็บอีกเยอะต้องพลัดพรากสูญเสียในสิ่งนั้นสิ่งโน้นหรืออีกหลายสิ่ง ต้องผ่านสมรภูมิทุกข์

๖๒.ผู้ขอคือผู้อ่อนแอไม่ได้ยืนด้วยตนเองไม่อดทนและเพียรปัญญาจะเกิดแต่ผู้ให้คือผู้แข็งแรงยืนได้ด้วยตนเองอดทนและเพียรยังเกิดปัญญาแก่ตน

๖๓.แก่แล้วไม่เรียกร้องอะไรเพราะอยู่ไม่กี่วันคืน ทั้งบาปก็ไม่ได้ก่อบุญก็มีบ้าง พอรู้แล้วภพที่จะไป ได้มาก็สุขไม่มากกว่านี้

๖๔.เราต่างไม่รู้ว่ามาจากไหนกันและจะไปที่ไหนกันก็ไม่รู้ แต่ถ้ามีธรรมก็รู้ภูมิที่จะไป ไม่พึงมั่นหมายๆ อยู่กันไปเรื่อยๆ อยู่แบบแมงกะพรุนลอยไหลไปตามเหตุปัจจัย บ้านก็พอหลบแดดฝน เมื่อตายได้ ๗ วัน เสาต้นแรกก็ล้ม พอคืนที่ ๑๐ เสาทั้งสี่ต้นก็ล้มพับรวมกัน เวลาผ่านไปเรื่อย ปลวกกินหายไปหมด โลกคือศาลาเป็นเพียงทางผ่านที่ย้อนไม่ได้ หากินเบาๆใจจะเย็น......



                         โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์
                                      ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙

บทความที่ได้รับความนิยม