วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๖

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๖
 ๑.เอาชีวิตไปแลกกับวัตถุสิ่งของเกียรติตำแหน่ง แล้วไม่พ้นทุกข์ ถูกหลอก เพราะได้ลืมทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

๒.ใจรู้ไม่ยึดติด ใจยึดติดยังไม่รู้ พิจารณามากๆ หรือเจ็บมากๆ(ประจักษ์แจ้ง)ก็ละได้เองเพราะรู้แจ้งประจักษ์ หรือประจักษ์แจ้ง

๓.เมื่อเรารู้สึกตัวโดยตลอด หรือตามเท่าทันการเคลื่อนไหวกายได้ ใจเราก็สุข

๔.เมื่อเราหากินจนลืมชีวิตและนึกถึงอดีตแล้วใจไม่สงบ ภพที่จะไปไม่ดี จะหมดเวลาแก้ไข

๕.กายนี้เป็นภาระต้องบำบัด ใจนี้ก็เป็นภาระที่นึกคิดไม่หยุด เมื่อตั้งอยู่ในธรรมก็ดับใจที่คิดได้

๖.เมื่อขาดความเกื้อกูลแบ่งปันสภาพเสือสิงห์กระทิงแรดก็เกิด ถ้าให้ก็ส่งเสริมไมตรี

๗.เมื่อเราเห็นความดี เห็นบุญกุศลไม่ได้ เราก็เป็นคนบาป กรรมหนัก มีความอาภัพธรรม ธรรมะไม่ได้ฟังได้ทุกภูมิ

๘.เอาเครื่องประทินผิวขนเล็บมาปกปิด เอาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเครื่องประดับมาปกปิด เอาฐานะบทบาทมาปกปิดหรือเอาคำพูดการกระทำมาปกปิดซึ่งธาตุแท้ หนังแท้ ใจของเราก็รู้

๙.เสียดายเวลาชีวิตที่ใช้ไป ที่ใกล้จะหมด เสียดายทรัพย์ที่หามา เสียดายในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่ได้ เสียดายที่ยังไม่เห็นทางที่จะนำจิตออกจากวัฎฎะ เมื่อเราไม่รู้คำสอน เราก็เวียนเกิดตายไม่รู้จบสิ้น

๑๐.มนุษย์เป็นอยู่ยาก ดำเนินชีวิตก็ยาก กว่าจะเรียนจบได้ ทำงานก็แข่งขัน กว่าจะได้ที่อยู่อาศัยก็ลำบาก ต้องผ่อนส่งสร้างทำทั้งชีวิต กว่าจะได้รถได้ยศก็แสนยาก กว่าจะรวยได้ก็ต้องต่อสู้สูญเสีย พลัดจาก ได้คู่มาที่ถูกใจก็แสนยาก แต่แล้วก็มาตาย ไม่ได้รู้หรือเข้าถึงพระสัทธรรม

๑๑.กว่าจะรู้ทุกข์ก็ทับถมเต็มลำเรือ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ต้องรับกรรมไปก่อน ทุกข์เป็นใหญ่ของคน เชื่อธรรมชีวิตไม่ร้อน ภพภูมิที่จะไปก็ดี

๑๒.กฎเกณฑ์ทางสังคม ตัดสินตามหลักฐานกติก ไม่ได้ตัดสินตามศีลธรรม ความคับแค้น แค้น อาฆาต พยาบาท จองเวรก็มีอยู่ แต่กฎกรรมรับเต็มที่มีดที่สว่างที่ใจรู้

๑๓.ความเจริญของมนุษย์ ความสุขของมนุษย์อยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่วัตถุสิ่งของภายนอก เมื่อติดวัตถุจิตก็หนาแน่นด้วยกิเลสตัณหาทำให้บดบัง หรือมองไม่เห็นความจริง

๑๔.จะได้สิ่งใดมาชีวิตเราก็สั้นลงๆ ถ้าหยุดไม่เป็นพักไม่เป็น มันก็ฆ่าชีวิตเราต่อภพไม่รู้จบ

๑๕.บ้างได้เกิดมาภพหนึ่งกว่าจะรู้ กว่าจะเข้าใจ หรือเห็นความจริงได้ก็ต้องบาดเจ็บ สูญเสีย มีทุกข์ที่ยังไม่รู้จบ หรืออายุก็มาหมด แต่ก็ยังไม่สายที่จะสร้างบุญบารมี แต่ก็ช้าไปสำหรับผู้ที่อายุกำลังจะหมด

๑๖.มี ไม่มี จิตก็ไม่อิสระ เพราะติด มีทรัพย์ก็ต้องมีอิสระมีปัญญา ไม่มี ถ้าติดก็ทุกข์ดิ้นร้นจนมี ก็ทุกข์อีก จนและอยากทุกข์สองชั้น

๑๗.เรากำลังต่อสู้ให้กับจิตของเราที่ถูกกระทบตลอดเวลา เดี๋ยวพอใจ เดี๋ยวไม่พอใจ ผู้มีปัญญาย่อมตามรักษาจิตของตน

๑๘.เมื่อสังคมร้าย คนก็จะใจร้าย ใจไม่ดี น้อยใจ ข้องใจ คับแค้นใจ แค้น เอาคืน เมื่อมีการให้เกื้อกูล แบ่งปัน ความดุร้ายก็ลดลง

๑๙.เขากอดเราชอบเราก็เพราะสนองกิเลส หรือมีและรักษาประโยชน์ ผลประโยชน์ของเขาได้ แต่ถ้าสนองไม่ได้ เขาก็ไม่เอาเรา ทำลายเราได้

๒๐.เมื่อรู้ในการละทรัพย์ หรือจากทรัพย์ได้ ใจก็จะโปร่ง และเมื่อวางลงไม่แบกก็เบาใจ ก็ว่างจากกิเลส ความสงบก็เกิด

๒๑.เมื่อรู้ในการใช้ทรัพย์ก็เป็นผู้มั่งมี และถ้ามีปัญญาแก่ก็ไม่แสวงหาทรัพย์เพราะทรัพย์เป็นภาระ กายก็เป็นภาระ

๒๒.ค่าโก้ หมายถึงทุนที่ใช้เพื่อรักษา ส่งเสริม หรือประชันซึ่งสถานะหรือบทบาทของบุคคลในทางสังคม ค่าโก้เป็นภาระ เป็นทุกข์ที่ต้องแบกหาม

๒๓.ชีวิตคือการเดินทาง เราต้องเปลี่ยนผ่านเหตุการณ์ภพภูมิไปเรื่อยๆ เมื่อติดในภพก็จะเป็นทุกข์ หลง หลงนานเสียเวลา ไม่รู้ทางก็ไม่ดับสุญ

๒๔.ทรัพย์สมบัติ เขาให้ใช้ไม่กี่ปีกี่ครั้ง ที่เหลือเขาให้นอนดู นั่งดู

๒๕.ถ้าความสบายคือความสุขเป็นความพ้นทุกข์ ผู้มั่งมีผู้ยิ่งใหญ่ก็พ้นทุกข์แล้ว แต่ก็มาทุกข์ใจมีสัญญามีอดีต ต้องมาแก่เจ็บตายทั้งต้องหาที่พึ่ง(สำคัญ)

๒๖.เมื่อเราไม่รู้ธรรม ยิ่งแก้ไขขอะไรก็ยิ่งยุ่ง เพราะเราแก้ไขไปตามใจ ตามกิเลส ตามสัญญาที่วิปลาสไปจากความจริง

๒๗.เมื่อตรวจจับอารมณ์ความคิดไม่ได้ ใจก็เหนื่อย แล้วดับมันไม่ได้ก็ยิ่งเหนื่อยอีก เป็นความทุกข์ร้อนใจที่เป็นบาปเป็นกฎสะท้อน เกิดแต่เหตุมีสัญญา ถ้าดับภพต่ำ

๒๘.ไม่เห็นทุกข์ ไม่รู้ธรรม รู้ได้เมื่อมีทุกข์ ทุกข์จะสอนให้หายทุกข์

๒๙.การก่อบาปเป็นการทำร้ายจิตวิญญาณ และทำลายภพชาติเป็นปัญหาต่อการเกิดใหม่

๓๐.ธรรมะ เมื่อรู้ได้ปฏิบัติได้ก็เกิดศรัทธาจนถึงมีปัญญาละ แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องมาดักดาน ติดวัฎฎะ

๓๑.โลกเป็นอยู่ด้วยความถูกบีบคั้น ถูกบดขยี้เพราะไม่เที่ยงมีความแปรอยู่ตลอด มีมากเป้าก็มาก

๓๒.บุญเป็นเครื่องชำระสันดานไม่ให้ยึดมั่น เห็นแก่ตัว สำคัญผิด เห็นผิด

๓๓.อย่าผูกพันกับโลกมาก เกิดอะไรขึ้นจะละไม่ทันวางไม่ทัน ทั้งบุญก็ต้องมีเพราะเป็นที่พึ่งที่ไป ถ้ามีปัญญาจะไปภพภูมิไหนก็ไป

๓๔.เหตุที่ฟังธรรมไม่ได้เพราะจิตนั้นได้มืดบอดมาแต่แรกเป็นยุคมืด เหมือนภาชนะที่คว่ำอยู่

๓๕.เมื่อเราไม่อยู่ในขอบข่ายของศีลธรรม เราก็หาความสงบใจไม่ได้

๓๖.เห็นความตายเป็นประธาน เห็นตา หู ปอด ตับ ไต....เสื่อมก่อน ตายก่อน ธรรมก็เริ่มแจ้ง ที่หลงอยู่ก็เริ่มละ

๓๗.กายและสิ่งนอกกายคืออุปกรณ์ขีวิต อย่าไปติด อย่าไปหลงในภพตัวตน อีกไม่นานภูมิภพเราก็หมดแล้ว

๓๘.ดูปัจจุบัน รอบตัวเราที่เป็นอยู่และมองไปข้างหน้าก็จะเห็นวันเวลา วัยสังขาร ความดับ รอเราอยู่ ความอยากความหวังก็เบาลงๆ ใจก็เริ่มละ

๓๙.ไม่มีวัตถุใจไม่เป็นทุกข์ แต่มีหนี้นึกได้ทุกข์ได้ทุกวินาที มีมากก็ถูกจองจำ

๔๐.อย่าไปผูกพันอะไรมาก มีหน้าที่ภาระใด ก็ทำให้เสร็จสิ้น อย่าไปติดค้างอะไร ใจก็จะได้โปร่งโล่ง สัญญาต่างๆก็ไม่จรเข้ามา จิตก็สงบ ไม่ปรุงแต่งมั่นหมายอะไร อีกไม่นานเราก็ต้องเดินทางแล้ว

๔๑.จงพัฒนาจิตไปสู่ความดับ ไม่ใช่ความเกิดหรือก่อผูกติดกับภพ

๔๒.ไม่อดทน ไม่อดกลั้น รักษาความดีไม่ได้ เอาชีวิตไปทิ้ง

๔๓.เอาไม้กวาดไปสู้กับตึก เอาชีวิตไปแลกกับวัตถุ เสียดายชีวิต

๔๔.ผลกำไรของจิตวิญญาณคือรอยยิ้มบนใบหน้า วันใดที่เราไม่ยิ้ม วันนั้นขาดทุน

๔๕.ภพมนุษย์สั้นแต่เมื่อเจริญอยู่ศีลสมาธิปัญญาจะไปภพไหนภูมิไหนก็ไปได้ สบายๆ เพราะมีธงชัยจุดหมายมีจิตธรรมเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้ว

๔๖.ฝึกมากตัวรู้ตัวตื่นก็เกิดกระทบอะไรก็รู้เท่าทันกระทบบ่อยประสบการณ์ก็มากตัวละก็เกิด เมื่อละได้จิตก็วาง เมื่อวางได้จิตจึงว่างสงบจากกิเลส ไม่ใช่สงบจากสมาธิจากทรัพย์จากบุตรหรือวัตถุสิ่งของ ตำแหน่งหรือสิ่งอื่นใด

๔๗.กายนี้ไม่ใช่ของเราเพราะบังคับบัญชาไม่ได้ต้องแก่เจ็บตาย ผมขนเล็บต้องยาวต้องเปลี่ยนสีหลุดร่วงฟันต้องผุพังหนังก็จะแห้งเหี่ยวตาจะฝ้าฟางหู....ขาเข่าแขนไหล่ต้องปวดไม่มีแรง สมองหัวใจปอดตับไตต้องเสื่อมมีเชื้อโรคอาศัยต้องแตกดับเป็นที่สุด

๔๘.บ้านไม่ใช่ของเรา บ้านหลายหลังถูกไฟไหม้ หลายหลังถูกพายุพัด แผ่นดินไหวฟังถล่ม หลายหลังถูกฝนแดดปลอกสัตว์สาดซัดกัดกินอาศัย คฤหาสน์โตก็ไม่ใช่ของเราเพราะไม่ได้อยู่จริง คนใช้อยู่ แต่เรากำลังจะจากไป

๔๙.รู้จิตเพื่อละอารมณ์ ดับกิเลสต้องมีปัญญา จิตจะได้สงบ เบา

๕๐.คำสอนพระพุทธเจ้าทำคน ทำเทพ....ให้มีคุณภาพจนถึงการดับสุญ

๕๑.พอสำเร็จทรัพย์เอกลาภสังขารก็มาเสื่อม อายุก็จะมาหมด บุตรคนรักก็มาแยก และจากไปเพื่อนที่รักมิตรที่ชอบก็หนีกลับไม่ได้ความจริงใจแล้วจิตจะพึ่งสิ่งใด

๕๒.รู้เกิดรู้ดับก็จะรู้ท่าทีในการวางตัวต่อโลกไม่ต้องมาแบกดีใจร้องไห้ไป

๕๓.เอาชีวิต เอาจิต เอากายไปแลกกับบ้าน กับรถ กับยศ กับตำแหน่งชื่อเสียง หรือวัตถุสิ่งของ ไม่ใช่ ที่ถูกจะต้องเอากายไปแลกกับจิต เอาชีวิตไปแลกกับธรรม จะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก (ติดในภพเพราะถูกย้อม)

๕๔.ชีวิตเป็นของหนักเป็นรังของโรคเป็นของเหลือน้อยเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเรา ตื่นได้แล้ว

๕๕.เมื่อคุณธรรมเสมอกัน ความคิดความเห็นก็เหมือนกัน

๕๖.เมื่อเราทำกรรมไม่ดี เราก็ทำร้ายใจของเราเอง เพราะใจได้บันทึกในสิ่งที่ทำ จะผุด หรือจรเข้ามา เช่น นักฆ่าเห็นการฆ่าการล่า นักขโมยเห็นของที่ลักมา นักรักเห็นคู่นอนคู่อดีตที่ก่อไว้ จึงก่อเชื้อสัญญา ฉะนั้น ถ้ารักตัวเอง(รักษาใจ) ก็ต้องไม่ทำบาปอกุศล

โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์    
               

 22 กันยายน 2560

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๕



สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๑๕

๑.เมื่อรู้ธรรมเห็นธรรม เราก็ขนขยะออกจากใจ จิตจึงเบาส่วนผู้ที่ไม่เห็นก็เดินแบกหามโลกนี้กันต่อไป
๒.ทำจิตตนให้มีธรรมวินัย ใจก็จะได้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ไปพึ่งสิ่งข้างนอก ฝึกอบรมพัฒนาจิตขึ้นมาเถอะ จะเป็นผู้ขอหรือผู้อ้อนวอนเช่นนี้เลยไปหรือ แล้วภพชาติ สังสารวัฏจะยุติได้อย่างไร
๓.เมื่อไม่มีสติตามรู้เท่าทันในความคิดหรืออารมณ์ในขณะปัจจุบันแต่ละขณะๆ เราก็ขาดสติที่จะตัดกระแสกิเลส ชีวิตเราก็ตกเป็นเหยื่อ ใจเราก็ท่องไปเรื่อย มันจะเหนื่อยนะ
๔.เชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อผู้บริสุทธิ์ ถ้าไปเชื่อผู้มีกิเลส ถ้าเราตอบสนองเขาไม่ได้ เขาก็จะตีเรา ด่าเรา...ฆ่าเราได้ อย่าไปดื้อกับเขานะ
๕.เขาทำอย่างไรก็เป็นกรรมของเขา เพราะเขาเห็นและคิดได้เพียงนั้น ถ้าไปตำหนิ ใจเราก็จะขุ่นมัว
๖.เจริญสติเพื่อกำหนดรู้สิ่งเกิดปรากฏดับ เพื่อไม่ให้หลง ไม่ให้เมา ไม่ให้จม ไม่ให้ติดในภพ จะได้เห็นความจริง จิตจะได้ละหรือหลุด ไม่เป็นผู้ยึดโลก จะได้รู้คำตอบชีวิต ละโลกจะได้ไม่งง
๗.เมื่อได้สอนผิดธรรมชาติก็พากันไม่ให้พ้นทุกข์ สอนให้เกิดแต่ไม่เคยสอนให้ดับ ให้รู้ตัวไม่ใช่ตัวเดี๋ยวตัวก็ดับ
๘.ถ้ามุ่งวัตถุ กิเลสตัณหาก็เพิ่มขึ้น ความเหนื่อย ความวุ่นวาย ความสูญเสีย ความเสียหายจะสั่งสอนเราไปเรื่อยๆที่ละน้อยๆจนมีสติที่จะละ.....
๙.ใจที่ไม่เห็นพระสัทธรรมก็ย่อมเคยว่างจากความหลง เกิดมาเพื่อถูกกิเลสฆ่าทิ้ง ตายทิ้ง
๑๐.มีธรรมมีที่พึ่งมีหลักชัย ไม่เป็นกระป๋องลอยน้ำ ไม่เป็นเหยื่อภพภูมิ จะท่องไปภพไหนก็องอาจ
๑๑.เรื่องใจเป็นเรื่องที่ยาวนาน เรื่องกายไม่กี่ปี ร่างเราก็ดับ เมื่อทำกรรมไม่ดี ระลึกหรือกำหนดกี่ครั้ง ก็ไม่สบายใจ
แม้จะได้รับโทษทางโลกแล้วหรือไม่ก็ตาม ใจเราก็ยังนึกคิดอยู่ อดีตกรรมลบไม่ได้ใจมันช้ำ
๑๒.คนทำกรรมดีย่อมร่าเริงในภพทั้งสอง เพราะมีกรรมสะอาด ดับยิ้ม ตายยิ้ม ยิ้ม
๑๓.เมื่อเราทำกรรมไม่ดี ผูกเรื่องไว้เยอะ สร้างเหตุไว้มาก ใจเราก็จะไม่สงบมีทุกข์
๑๔.ถ้าเราไม่มีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ เราก็ขาดปัญญา เพราะจิตไม่ได้ระลึกชอบ คิดชอบ....กุศลกรรมจึงไม่เกิด ดั่งพุทธสุภาษิตที่ว่า ถ้าไม่มีพุทธิปัญญาแลมิได้ศึกษาระเบียบวินัย คนทั้งหลายก็จะดำเนินชีวิตเหมือนดังกระบือบอดในกลางป่า
๑๕.หากินลืมดับจะเหนื่อย หากินระลึกดับ จะเบา จนอิสระ
๑๖.คาถาขณะขับรถให้บริกรรมหรือท่องในใจว่าเลี้ยวชน เร็วตาย ถอยชน แซงตายเพื่อกำหนดจิตให้มีที่ระลึกหรือมีสติหรือไม่เผลอหรือระวัง
๑๗.เมื่อเราปรารถนาความสุข ทำไมไม่ดับไฟในใจ หา หู....เป็นของร้อน เช่น เห็น ได้ยินสิ่งที่ไม่ชอบก็ทุกข์ ใจก็เป็นของร้อน...ไม่ดับไฟก็ทุกข์เช่นนี้
๑๘.ความขยันอดทนเป็นพื้นฐานของปัญญา เมื่อเรามีปัญญาก็สามารถดับเย็นใจให้แก่จิตได้ กิเลสก็ครอบไม่ได้
๑๙.เมื่อประกอบกรรมไม่ดี เราก็ทำลาย ทำร้ายใจของเราเอง แล้วกว่าจะดับกี่เรื่อง ผูกจนไม่รู้ทำยังไง ดับงง ตายงง งง
๒๐.ผลกรรมที่เราไม่ละเอียดรอบคอบ ไม่ตรวจสอบเกิดความเสียหาย หรือไม่รู้ คบ หรือเสพธรรมที่ไม่ควรเสพ จะสั่งสอนเราเองไปเรื่อยๆ จนเกิดสติ ธรรมก็แจ้งชัดขึ้นๆ
๒๑.สิ่งที่เรามี มันเป็นภาพลวงตา เพราะมันคือ ไอติม ที่กำลังละลายหรือกำลังดำเนินไปสู่ความแตกดับ อย่าดีใจ เตรียมแผนซ่อมบำรุง
๒๒.ผู้ขอไม่เห็นที่รัก เป็นที่เกลียดชัง เป็นผู้อ่อนแอ ไม่ได้ยืนด้วยตนเอง ไม่มีความอดทน ยังขาดพื้นธรรม ผู้มีปัญญาไม่ขอ
๒๓.คบคนไม่ดีก็มีแต่กรรมไม่ดี เพิ่มทุกข์ เพิ่มโทษให้แก่ตน
๒๔.ดับโกรธด้วยปัญญา ต้องพินิจเห็นโทษภัย แจ้งเหตุปัจจัยในสิ่งที่เกิดนั้น หรือใช้เมตตาเห็นแต่ละชีวิตต่างมีสติปัญญา อุปนิสัย คุณสมบัติและดิ้นรนหนีทุกข์ และดับลงไปภพหนึ่งๆ ที่มากยังไม่เข้าสู่ฝั่ง หรือไม่เห็นทาง (มรรค ๘) หรือพระสัทธรรม
๒๕.เมื่อจิตมันเห็นกระแสดับ ใจก็ไม่ยินดีในโลกนี้แล้ว ส่วนผู้ไม่เห็นก็ดิ้นกันต่อไป
๒๖.ผู้อ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นที่รักเป็นผู้มีเสน่ห์และมีบุญ ส่วนผู้แข็งกระด่างเป็นผู้ถือตัวไม่เป็นที่รักเป็นผู้มีบาป สร้างทุกข์โทษก่อเวรภัยให้แก่ตน
๒๗.เมื่อตอนดีๆฟังธรรมไม่รู้เรื่อ พอมาเจ็บธรรมที่เคยฟังผ่านๆกลับปรากฏให้เห็น
๒๘.คนบ้าทำสมาธิไม่ได้ เจริญสติไม่ได้ และเห็นที่จิตตั้งไม่ได้ก็เพราะกรรมไม่ดีเยอะ....ผูกเรื่องไว้มากหรือแน่น
๒๙.พึ่งคนนี้คนนั้นเดี๋ยวเขาก็ตาย ทำไม่ไม่พึ่งตนเอง แล้วหลังความตายที่จะต้องท่องไม่รู้กี่ภพก็ชาติ เราจะพึ่งใคร ไปยังไง
ของจริงของปลอมเราต้องรู้แล้วเชื่อพระพุทธเจ้าได้แล้ว
๓๐.เมื่อขี้เกียจก็เป็นคนน่ารังเกียจ ไม่มีเกียรติเป็นมารดาแห่งบาปเป็นเหยื่อแห่งภพหรือวัฏฏะ
๓๑.เมื่อมองไม่เห็นก็พูดไปตามที่มองไม่เห็น บ้างปฏิเสธเสียแล้วกายก็ไม่รู้ จิตก็ไม่รู้ ธรรมก็ไม่รู้ แต่นอกกายรู้ เช่นหาเงินยังไง สร้างดาวเทียมยังไง ชุมชนมียังไง กฎหมายเป็นยังไงรู้ข้างนอกดับทุกข์ไม่ได้
๓๒.เสียดายเวลาชีวิตที่กว่าจะมารู้ หรือมาเห็นความตายได้ เป็นเรื่องที่ยาก และใช่จะพ้นทุกข์ ปัญญาทางโลกก็สมมุติกันไปถึงถูกต้องก็เพียงสมมุติ
๓๓.กิเลสเป็นเครื่องเผาใจให้ผลเผ็ดร้อน...ผู้ประมาทย่อมไม่รู้ แม้ต้องตายทั้งเป็นที่อยู่(เจ็บก็ไม่รู้ ทุกข์ก็ไม่รู้ แต่ยังบอกว่าสุข
ชั่งไม่รู้)
๓๔.เราไปกราบไหว้ความสำเร็จผู้อื่น แล้วไม่ปฏิบัติจะเกิดประโยชน์อันใด จิตธรรมต้องทำเอง ไม่มีใครช่วย หาที่พึ่งผิดเดือนร้อน ทำไมไม่มาพุทโธ ธัมโม สังโฆ
๓๕.พื้นดีฟังธรรมก็เข้าใจธรรมนั้น เกิดเป็นปัญญาให้จางคลายละกำหนัดได้ พื้นไม่มีก็ต้องเจ็บบ่อยๆ ขัดๆ เต็มๆ สติจะได้ตั้ง ถ้าเชื่อธรรมไม่เจ็บตัวจิตก็จะไม่มืดบอด นรกก็ไม่ต้องกลัว จะไปภพภูมิไหนก็ไปได้
๓๖.ยิ่งรู้ยิ่งได้ รู้ไม่จริง เพราะดับมีดับอยากไม่ได้ จิตไม่อิสระ วุ่นวายจนตาย
๓๗.ยิ่งมียิ่งทุกข์ ไม่มีก็ทุกข์ มีแล้วก็ทุกข์ มีตามกำลังที่รู้ใช้รู้จากก็จะไม่ทุกข์
๓๘.ประกันชีวิตได้ แต่ชีวิตประกันไม่ได้ ประกันภัยได้ แต่ภัยอันตรายชีวิตประกันไม่ได้ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
อย่าไปผูกพันอะไรมันมาก ถ้าดับจะมีปัญหา
๓๙.รวยหรือจนเขาก็ต้องมีทุกข์เพราะเขามีขันธ์ ๕ ครองอยู่แต่เราไม่เห็นเอง อย่าไปรวยเลย จงมีสติเร่งทำความเพียรดับชาติเถอะ
๔๐.เหรียญนี้ยิงไม่ออก ตะกรุดนี้ฟันไม่เข้า ยันต์นี้คุ้มภัย และคำหมากนี้ก็ไม่ตาย แล้วอุบัติเหตุโรคภัยยาพิษไม่ตายหรือ
แต่ที่แน่ๆผู้ปลุกเสกได้ดับไปแล้ว บอกความจริงแก่ลูกหลานได้แล้ว ลืมผมขนเล็บฟันหนังแล้วหรือ เอาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไปไว้ที่ไหนทำไมไม่เอาธรรมาธิปไตยเป็นใหญ่
๔๑.จะปล่อยวางได้ต้องเป็นผู้รู้เหตุรู้ผล ประโยชน์ไม่ใช่ประโยชน์...แบกนานๆจนไม่ไหวก็วางได้ แต่ถ้ามีแรงก็มาแบกอีก
ติดในภพ
๔๒.เมื่อมีสติรู้อยู่ในอารมณ์เราก็ยังได้ และถ้าเรามีปัญญาพอก็ดับอารมณ์นั้นได้ นรกในใจก็ดับ
๔๓.เรียนพระไตรปิฎกตั้งแต่อัตตาจนถึงอนัตตา ก็ต้องมาปฏิบัติที่จิตจนมีปัญญาไปสู่ความดับว่าง
๔๔.สติระลึกธรรมไม่ห่างจากธรรมจิตก็ไม่เสื่อม อวิชชาก็ห่อหุ้มไม่ได้ สติ จิต ธรรม
๔๕.เมื่อไม่เห็นจิต จะไปสู่รบกับทุกข์ได้อย่างไร เราก็ต้องเจ็บอยู่อย่างนี้
๔๖.เมื่อทำกรรมไม่ดีก็จะละจากความคิดนั้นไม่ได้ หากสั่งสมมากๆก็เป็นภัยอันตรายแก่จิต อย่าอยู่คนเดียว
(ทำกรรมไม่ดีขาดทุน)
๔๗.เราต้องต่อสู้กับความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไม่ใช่มาต่อสู้กับรถ กับยศ กับบ้าน กับชื่อเสียง
เกียรติ....อัตภาพนี้ตั้งอยู่ไม่นานก็ดับแล้ว
๔๘.มาหลงอะไร อายุปานนี้แล้ว...คนใกล้ตายนอนดูบ้านหลังละห้าสิบล้าน ร้อยล้าน คงไม่มีความสุขหรอก ผลรวมของการได้เท่ากับศูนย์
๔๙.จิตใจใช้วัตถุมาเติมไม่ได้ นอกจากคุณธรรมรอบรู้อยู่ในบุญกุศลจิตจะเย็น แต่ถ้ารอบรู้ในธาตุขันธ์หรือกายจิตก็มีปัญญาแล้ว
๕๐.ธรรมแท้ต้องละกิเลส ทำบุญปรารถนาเป็นเทพเป็นพรหมเราก็ถูกอมนุษย์จับเอาไว้เพราะยังติดในรูปอรูป
อย่าไปยึดตัวยึดตนเพราะไม่นานเราก็เป็นผีถูกเผาแล้ว
๕๑.จงเชื่อคำสอนที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์และเป็นความจริง ไม่ติดในบุคคลตัวตนเราเขา (ธรรมและวินัยแทนตถาคต)
๕๒.ทุกข์จากไม่มี ดิ้นรนจนมีพอมี ก็ทุกข์มีห่วงรักษา พอจากก็ทุกข์อีก มีตามกำลังจะได้ไม่ร้อง
๕๓.กิเลสมันคือกาฝากของใจ เป็นเพชฌฆาตของต้นไม้ใหญ่ มันหลอกเราให้เราหาให้เราติดจมอยู่ในภพ
๕๔.ไม่เบียดเบียนเขาก็ทุกข์แล้ว เพราะความเป็นมนุษย์อยู่ยาก ไหนต้องกินต้องขับถ่ายหาที่อยู่สิ่งบำบัดเจ็บป่วยทั้งบริวารอีก
๕๕.ตื่นเถอะตะวันสายโด่งแล้ว ชีวิตใกล้อัสดงแล้ว มาหลงอะไรกับโลกใบนี้ เราถูกย้อมมานาน หลายอนันต์ภพ จงเชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ
๕๖.เสียสิทธิเพื่อมิให้ตกนรกหรือไปสู่ทุคติภูมิ จะไปขอเทพขอพรหมขอเซียน ท่านก็ช่วยเราไม่ได้ เพราะท่านเองก็ยังออกจากวัฏฏะไม่ได้ ธรรมที่พึ่งเป็นเครื่องออก
๕๗.ถ้าเราไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน แสดงว่าเราหลงแล้วเพราะไม่ได้กำหนดรู้ความจริง.....รู้แต่ทำกิน
๕๘.มีสติปัญญาน้อย กิเลสก็ครอบงำง่าย โทษภัยก็มา
๕๙.ใจเป็นเทพเป็นพรหมเราต้องสร้างขึ้นมิใช่ขอจิตเป็นเทพตายไปก็เกิดเป็นเทพ
๖๐.ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาเราก็ตามรักษาจิตไม่ได้ เพียงแต่ตามดูตามรู้จิต
๖๑.เมื่อเห็นความตายก็ตัดอะไรได้หลายอย่าง ปลงอะไรได้หลายอย่าง
๖๒.มนุษย์ที่จริงใจมีน้อย ตำแหน่งมีกระเช้าเต็ม พอพ้นตำแหน่งกระเช้าไม่มี
๖๓.อยู่กับสิ่งใดเข้าใจสิ่งนั้นก็จะไม่ทุกข์
๖๔.มนุษย์โดยมากเป็นผู้ขอ เมื่อฝึกบำเพ็ญอุทิศตนจิตก็เป็นผู้ละ
๖๕.ประมาณตนเพื่อไม่ให้เดือนร้อน ประมาณชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัติที่หามา
๖๖.ไม่มีอะไรที่ไม่จาก ผมหลุดทุกวัน ฟันหลุดหลายซี่ บ้างแขนขาก็หลุด เสื้อผ้าสิ่งของก็จากเราไปไม่รู้กี่ครั้ง บุตรสามีภรรยาก็จาก ทุกสิ่งกำลังดำเนินจากเราไป ทั้งตัวเราเองก็ต้องจากโลกนี้ ยึดไม่ยึดก็ต้องจาก
๖๗.เราเตรียมอนาคตเพื่อจะเป็นนี้เป็นนั้น มีหรือได้สิ่งนี้สิ่งนั้นทั้งที่เวลาชีวิตมีน้อย แต่เรามิได้เตรียมภพที่จะไปก็ตกเป็นผีร้องไห้
๖๘.จะละจะวางสิ่งใดได้ต้องมีปัญญาเห็นโทษภัยหรือเห็นความจริงถ้ายังยินดีพอใจอยู่ก็ต้องบ่มอินทรีย์ให้แก่ๆ บ่มเข้าไปๆ โลกไม่มีเจ้าของ
๖๙.เมื่อเบียดเบียนเขามาตลอดพอแก่ลงใจก็นึกคิดไม่สงบ เป็นฝันร้ายแห่งสัญญา
๗๐.ไม่มี ไม่เป็น ไม่เอา....ไม่มีใครเบียดเบียน ไม่มีเวรแก่ใครไม่มีภัยแก่ตน เบา
๗๑.มนุษย์นิสัยชอบขอ ชอบแย่งชิง ชอบอวด อีกไม่กี่ปีก็ตาย มาอวดมั่งอวดมีอวดดีกรีทำไม ไม่มีใครชนะ ทุกคนดับหมด
โลกไม่เป็นของใครแต่เป็นสุสาน
๗๒.เราเป็นดาบแก่ๆก็ไม่เป็นไร จะเป็นร้อยเอกดาวผุก็ไม่เป็นไร หรือจะเป็นพันโทดาวผุก็ไม่เป็นไร
หรือจะมีฐานะยากจนหรือเป็นผู้ด้อยทางสังคมก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ใจเราร่มเย็นสงบมีสิ่งใดมากระทบก็ดับเย็นได้ชั่งดีที่สุดแล้วไม่นานเราก็ต้องเดินทางแล้ว ทุกสิ่งเป็นเพียงเมฆหมอกเกิดดับหายไป ขอบคุณพระธรรม
๗๓.เราเป็นคนจนมีชีวิตยากลำบากก็ไม่เป็นไร เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้เหตุปัจจัยกฎกรรมจึงดำเนินมาอย่างนี้ แต่ขอให้ร่างกายเราแข็งแรง ทำมาหากินโดยสุจริต ไม่ไปก่อทุกข์โทษเวรภัยให้แก่ใคร ใจเราก็สงบ แต่ถ้าเรายังอยากได้สิ่งนี้สิ่งนั้น ใจเราก็ไม่สงบได้มาแล้วก็ทุกข์แต่เรามองไม่เห็นเอง
๗๔.จิตบันทึกในสิ่งที่ทำในกรรมที่ก่อ เมื่อประมาทในเหตุ ใจก็นึกคิดไม่สงบ เพราะมีสิ่งผูกและให้ผล ใจไม่อิสระ ทุกข์ไม่มีดับ
๗๕.กว่าจะรู้ความจริง อายุก็เกือบจะหมด จะแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ เพราะได้ผูกไว้เยอะ พัวพันกันไปหมด....ไหนจะบ้าน ที่ดินรถ ลูก เมีย กิ๊ก หนี้ กิจการ สังขารรู้ดับก็ไม่ประมาท
๗๖.กิเลสมันหลอก จูงให้หากินสะสมจนเหนื่อยแก่ล้มหมดลมไปจบไปภพหนึ่งๆ หลง หลงไม่รู้ดับ ภพกำหนดไม่ได้
๗๗.เมื่อเราเห็นความดับรออยู่ข้างหน้า ความอยากความหลงมันก็เบาลง ใจเราก็สงบ โลกคือโรงย้อม เห็นความจริงใจก็นิ่ง
๗๘.เอาและเป็นแต่น้อยๆ ชีวิตเราก็ไม่วุ่นวายใจก็มีที่พักไม่เร้าร้อน จะหลับตาก็ง่าย
๗๙.มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันโต มีสิ่งโก้หรู.....จะไปไหน อุตส่าห์เหนื่อยมาทั้งชีวิต...มาคุยกันก่อน....จะคุยเรื่องจิต
๘๐.วัตถุเป็นสุขนอกจิต มีต้นทุนภาระเวลา ผูกโยงไม่เที่ยงไม่โทษภัย เช่น เข้าใจว่าได้บ้านได้รถได้ยศได้กิ๊กแล้วจะสุข (ถูกหลอก)
๘๑.หมอก็ตาย พระก็ตาย บริวารก็ตาย จะมีของดีอะไรก็ต้องตายตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ฝึกบำเพ็ญตน
๘๒.เราไม่รู้ว่า เขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าไร มนุษย์สัตว์ต่างมีชะตาวิบาก อยากที่จะคาดคะเนว่าสิ่งนี้ไม่เกิด สิ่งนี้จะเกิด จงมีสติ
๘๓.ชีวิตคือการเดินทาง เราต่างมาจากไหนกัน มาพบแล้วพรากแยกย้ายกันไปตามกฎกรรมที่ทำมาบนเส้นทางอนันต์(ภพน้อยใหญ่)ที่ไม่ย้อนกลับ
๘๔.ถ้าจะรู้ความจริง อย่ามัวแต่อ่าน อย่ามัวแต่คิด อย่ามัวแต่พูด อย่ามัวแต่สงสัย ยังแต่ต้องเพียรปฏิบัติเพ่งพินิจ
๘๕.สมบัติเป็นของโลกเป็นคำสาป ใครหยิบเอาไปไม่ได้ได้แค่จับๆต้องๆมาดื่มอาบเคี้ยวกินเสร็จแล้วก็ไป....เวลาเหลือน้อยแล้ว ถ้าเราหยุดเองไม่ได้ เขาก็จะสลายร่างเรา ถึงวันนั้นมันจะเจ็บปวดนะ
๘๖.ไม่มีอะไร ทุกสิ่งเป็นภาพลวงตา เกิดปรากฏดับเป็นสมมุติที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
๘๗.ศัตรูของตัวเองคือความเห็นผิด ไม่รู้เห็นหนทางออกรังแต่ดิ่งลึกขึ้นๆ จนเห็นทุกข์แล้วสวิงออกมา แต่จะนานกี่อสงไขยไม่รู้
๘๘.อย่าไปตั้งใจอยู่บนโลกมากหนัก เพราะเกิดอะไรขึ้นจะรับไม่ทัน รับไม่ได้ เราจะต้องเคลื่อนย้ายภพต่อไป
๘๙.ได้โรงงานสองแห่งเมื่ออายุ ๕๐ ปี,ได้รถเบ็นซ์ ๓๐ คัน เมื่ออายุ ๖๐ ปี,ได้คนงาน ห้าพันคน เมื่ออายุ ๗๐ ปี ได้ตึกสูงร้อยยี่สิบชั้นเมื่ออายุ ๘๐ ปี,ได้...........เมื่ออายุ......ชั่งน่าภูมิใจๆ ไม่ว่าจะได้สิ่งใดมาชีวิตเราก็หมด
๙๐.ไม่มีอาวุธหรือสิ่งใดสู้กับความตายได้...เว้นแต่ศีลสมาธิปัญญา มีศีลมีทานดับก็ยิ้ม มีสมาธิดับก็องอาจ ถ้ามีปัญญาก็อาจหาญต่อยมบาล จิตโน้มดับย่อมสะอาด
๙๑.รู้กายเพื่อเห็นจิตสัมผัสเคลื่อนยกขยับกดจับบีบบิดลูปปาด.......ยกมือก็รู้ลมเข้ามือลงก็รู้ลมออกเอียงกายก็รู้ลมเช้าออก...รู้กายก็รู้จิตจะได้รู้ชีวิตและรู้ธรรม
๙๒.ประมาณตน ดูวัยสังขาร กำลังมองไปข้างหน้า ความเป็นอยู่ เหตุปัจจัย สิ่งเกื้อกูล ดำเนินไปอย่างเพียงพอ
ชีวิตก็มีความสุข สงบขณะปัจจุบัน
๙๓.ธรรมะช่วยให้หายโง่ ช่วยก่อนจะเจ็บ ช่วยให้เจ็บน้อยลงช่วยปลงช่วยละช่วยวาง ให้จิตรู้ตามจริงใจ(ต้องมีปัญญาพิจารณา)จึงสงบว่าง เย็น เบา
๙๔.สะสมบาป ทางเดินจะเล็กลงๆจนตัน ท่องไปก็ระวังหมู่โจทก์ กรรมวิบาก ขาดศีล ขาดความคุ้มครอง  จิตก็หวั่นไหวง่าย
๙๕.คนต่างอุปนิสัย สติปัญญา เหตุปัจจัยความเป็นมาจะกำหนดให้คิดเห็นและทำให้เหมือนกันไม่ได้ แต่ฝึกพัฒนาได้
๙๖.ติดใจก็ต้องทุกข์ใจ ต้องดิ้นรน วุ่นวาย เหนื่อยจนดับ...ได้มาเก้าล้านสิบล้านก็ไม่มีค่าใด หรือจะผ่อนบ้านผ่อนรถเป็นล้านก็มิได้อะไรเพราะได้ใช้ไม่กี่เพลาและชีวิตก็กำลังใกล้จะหมด
๙๗.เจ็บครั้งหนึ่ง สติก็เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เสียที่เท่าไร
๙๘.เหลือเวลาอยู่โลก(ภพ)ไม่กี่วัน จะหาอะไรอีก ผูกพันมั่นหมายอะไร ชีวิตต้องเดินทางผ่านสิ่งต่างๆที่ไม่ย้อนกลับจากภพหนึ่งไปสู่ภพหนึ่ง
๙๙.กำหนัดรีบกำหนด(รู้)เพื่อละกำหนัด ถ้าไม่กำหนดก็มีแต่กำหนัด ระลึกอสุภะ พังผืด อาหารเก่า....ผม ขน เล็บฟัน หนัง
๑๐๐.เมื่อติดสุขก็ถูกหลอกไปหาทุกข์ ยาว
๑๐๑.กว่าจะได้บ้านได้รถได้ยศ...อายุก็มาหมด คติภพทำไงจะไปยังไงเดินทางยังไง
๑๐๒.กินอาหารไม่ติดฟัน ต้องกำหนด งาบงับ งาบงับ...จนอิ่ม งาบคือครึ่งงับหรือหยั่งมีสติตามรู้ รู้สึก รู้สัมผัส
๑๐๓.โลกนี้มิได้เป็นไปเพื่อความสบาย มนุษย์คู่กับทุกข์ พบเห็นได้ยินสิ่งที่ไม่ชอบก็ทุกข์ จิตปรุงแต่งส่งออกก็เป็นทุกข์
๑๐๔.เมื่อจิตตั้งดีเคลื่อนไหวกายก็เป็นสุข ใจนึกคิดก็รู้ กุศลหรืออกุศล
๑๐๕.สมาธิเกิดที่ใจที่มีการดำเนินชีวิตแต่ละขณะแต่ละวันโดยชอบมาก่อนไม่ใช่ที่กายที่ท่าที่แบบหรือวิธีใด
๑๐๖.การรักษาจิตคือการไม่ทำบาป
๑๐๗.ชีวิตใกล้อัสดงแล้ว กิเลสหลอกให้เหนื่อย บ้างกว่าจะได้มาก็สูญเสียหรือมาจาก ไม่เห็นคติปรโลก
๑๐๘.จะนับถือหรือไม่นับถือซึ่งศาสนาหรือลัทธิใด ต่างก็อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระไตรลักษณ์
๑๐๙.ถ้าพึ่งใจ(จิตที่ฝึกดีแล้ว)ตนเองไม่ได้ก็หาความสงบความสุขไม่ได้ วัตถุไม่ใช่ที่พึ่ง แต่เป็นสุขแวบๆที่มีภาระโทษภัย
๑๑๐.มนุษย์มีอายุเหมือนฟ้าแลบ เมื่ออยู่นานก็ถูกย้อมแล้วดับ หลงกับสิ่งที่ไม่เที่ยงไม่ใช่ปัญญา
๑๑๑.ไม่พอชีวิตลำบาก ได้มากมีปัญหาเวลาดับ เพราะจิตผูก ทุคติอันมีหวัง แต่ถ้าพอแล้วก็เป็นธรรมะขั้นสูง
๑๑๒.ขาดศรัทธา ขาดที่พึ่ง ชีวิตเผ็ดร้อนดังปลาขาดน้ำ (จิตไม่ชุ่ม กุศลไม่มี)
๑๑๓.ใจรู้ไม่ยึดติด ใจยึดติดยังไม่รู้ (รู้จริงจะละ)
๑๑๔.แต่งกายไม่จบ แต่งใจจบ ผู้มีปัญญาจะตามรักษาจิต พัฒนาจิต
๑๑๕.ไม่ปฏิบัติ พระไตรปิฎกเรียนไม่จบ เพราะ ได้บัญญัติแต่ไม่ได้สภาวะ
๑๑๖.แบกนานๆก็เหนื่อย จะวางได้เอง เมื่อเห็นภาระโทษภัย
๑๑๗.เราหลงกับสิ่งที่ปรากฏจนลืมเวลาชีวิตที่ใกล้จะหมด หากินแล้วดับ ชีวิตโมฆะ
๑๑๘.จิตที่ผูกอาฆาตจะกักขังจิตวิญญาณตน เมื่ออโหสิก็ถูกปลด จิตไม่มีเวรจะเบา
๑๑๙.เมื่อไม่เพ่งพินิจก็ขาดศรัทธาในธรรมคำสอน จึงไม่เห็นความจริง ทำให้ก่อบาปสร้างทุกข์โทษภัยให้แก่ตนเอง ....สำนึกบาปก่อนตายไม่สาย....

โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์
  พฤษภาคม ๒๕๖๐

บทความที่ได้รับความนิยม