วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๔



สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๔

๑.เขารวยนะ เขาเก่งนะ เขามีพวกนะ เขามีปืนนะ เขาจบดอกเตอร์นะ เขามีอำนาจนะ เขาใหญ่นะ เขาเหาะได้นะ เขาเสกได้นะ เขาสุดๆเลยนะ เขาไม่กลัวใครนะ  เขาทำได้ทุกอย่างเลยนะ แต่...................เขากว่าจะได้มาเขาเหนื่อยนะ เขาต่อสู้มานะ เขาต้องไปแลกกับอะไรมานะ เขาต้องเสียอะไรไปเยอะนะ เขาเหลือเวลาชีวิตไม่เท่าไรนะ ครอบครัวของเขาล่มสลายไปเลยนะ และเขาได้ใช้มันได้ไม่กี่เพลานะ เขาดีใจกับมันไม่นานะ และที่สำคัญถ้าการที่ได้มานั้นโดยวิถีทางที่ไม่ดีเขาต้องท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่ที่ยาวแสนยาว.....กรรม.....เหตุปัจจะโย.......

๒.พอมารวยหน่อยก็มาตาย พอมาฐานะดีหน่อยก็มาตาย พอมาสุขสบายหน่อยก็มาตาย พอได้ใหญ่หน่อยก็มาตาย พอได้ตำแหน่งใหญ่หน่อยก็มาตาย พอได้ย้ายมาอยู่ในที่ดีหน่อยก็มาตาย พอได้พักผ่อนไปเที่ยวก็สุขหน่อยได้ไม่กี่ครั้งก็มาตาย พอหาเงินได้มาอยู่กับลูกหน่อยก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินสร้างบ้านได้หน่อยก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินผ่อนบ้านเสร็จหน่อยก็มาตาย พอเก็บเงินมาทั้งชีวิตได้หน่อยก็มาถูกหลอกเอาไปหมด พอเก็บทรัพย์มาทั้งชีวิตได้หน่อยก็มาถูกบริวารใช้เอาไปหมด พอเรียนขั้นสูงสุดจบได้หน่อยมาก็ตาย พอเรียนตอนแก่อายุมากเรียนจบได้หน่อยก็มาตาย พอได้เมียสาวเสพสุขพักเดียวได้หน่อยก็มาตาย พอได้.........ก็มาตาย พอมี..........ก็มาตาย พอเป็น.........ก็มาตาย สรุป พึ่งอยู่กินตามเหตุตามปัจจัย ตามกำลังและอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขทุกขณะ ไม่พึ่งเหนื่อย เจ็บ ทน ทรมานมานานเพียงเพื่อมาสุขปั้นปลาย.....ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง

๓.สุขให้เต็มที่ มันให้สุดๆ จุดจบอยู่ที่ความตาย มันรอเราอยู่ทุกขณะๆย้อนเวลาไม่ได้ไหลไปสู่ความแตกดับทั้งหมด

๔.เราถูกโลกสร้างขึ้น เมื่ออยู่นานเข้าใจว่าร่างเป็นของเรา และโลกเป็นของเรา ทุกอย่างไม่ใช่ของเรา เรารำกันพักเดียวเดี๋ยวก็จบ........เมื่อความตายรออยู่ข้างหน้าไม่พึ่งแสวงหา ดิ้นรน หรือแบกสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งจนเป็นทุกข์ เวลาหมดทรัพย์ก็หมด ค่อยๆอยู่และหากินกันไป ไม่พึ่งเหนื่อยใจ...กินข้าวอิ่มใจอย่าวิตก คับแค้น เศร้าหมอง เร้าร้อน ดิ้นรนกระวนกระวาย.....

๕.เมื่อไม่พิจารณาจิตถูกกระทบจะก่อตัวปัญญาขึ้น(เห็นโทษเห็นภัยบ้าง)เป็นต้นว่า เสียเงินบ่อยๆจะตัดได้เอง เสียเงินบ่อยๆจะละได้เอง เสียหายบ่อยๆจะตัดได้เอง เสียหายบ่อยจะละได้เอง เจ็บบ่อยๆจะตัดได้เอง เจ็บบ่อยๆจะละได้เอง ทรมานบ่อยๆจะตัดได้เอง ทรมานบ่อยจะละได้เอง ทุกข์บ่อยๆจะตัดได้เอง ทุกข์บ่อยๆจะละได้เอง เราไม่พึ่งให้ชะตากรรม วันเวลา ฤดู เหตุการณ์ ความเจ็บ ความตายหรือความเสียหายใดๆ หรือความทุกข์น้อยใหญ่มาสั่งสอนเรา หรือบอกเรา หรืออบรมเรา....

๖.มีคนตายทุกวันไหลเป็นกระแส มนุษย์มีเวลาน้อย มีสิ่งใดใจก็ผูกพันอยู่กับสิ่งนั้น ใจไม่เคยสงบ...

๗.มีคนพาเราไปดูรถ ดูแหวน ดูทอง ดูที่ ดูสวน ดูกิจการ ดูบริวาร ดูแล้วดูอีก อย่างนี้เรียกว่า เมา จม ติด บ้า หลง งมงาย ไม่ไปไหน วนดับไปพร้อมกับทรัพย์ ได้ใช้ไม่กี่ปี แต่หาแทบตาย หรือจนตายแต่จิตวิญญาณต้องท่องต่อไปตามกฎกรรมที่ทำมา

๘.ค่าโก้ หมายถึง ทุนที่ต้องใช้ หรือรักษา หรือส่งเสริม หรือประชันซึ่งสถานะ  บุคคลทางสังคม ค่าโก้เป็นโทษภัยชนิดหนึ่งที่นอกเหนือจากสังขารที่ต้องเสื่อมและต้องแตกดับไปเป็นธรรมดา

๙.เมื่อติด จม หลง เมา บ้า งมงายอยู่กับสิ่งใดใจก็ผูก(ไม่อิสระ)ดิ้นรน กระวนกระวาย เร้าร้อน คับแค้นหรือเศร้าหมองกับสิ่งนั้น ทุกข์น้อยใหญ่ก็เกิดอยู่เช่นนั้น เราพึ่งเห็นโทษภัย เช่น เสียค่าโก้ เวลาหมด ไม่เห็นพระสัทธรรม และต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวไกล เราอยู่บนเส้นทางอนันต์.....ประเทศเรา ๗๐๐ เศษ.......อารยธรรมไม่กี่พันปี เราไม่พึ่งเมา ไม่พึ่งยึดว่าเป็นตัวตนจริงๆ สรรพสิ่งทั้งปวงคือไอติม ไอติม สมมุติทั้งชื่อและรูปร่าง ติดสมมุติไปสู่วิมุติไม่ได้ ติดตัวตนไม่เห็นอนัตตา ขณะมีชีวิตเราก็เล่นไปตามบัญญัติ(สมมุติหรือสมมุติบัญญัติ) แต่ไม่ติดหรือหลงไปกับบัญญัติ

๑๐.ไอ้ทุกข์ ไอ้สุขเดี๋ยวเจอกัน สุขมากก็เจ็บมากแค่พูดไม่ไพเราะก็หงุดหงิดเสียแล้ว แค่ร้อนหน่อยทำบ่น แค่เจอความไม่เที่ยงก็นั่งร้องไห้ แล้วมาเจอความเจ็บ ความตายอีก กรรม...ที่ทำมาทั้งหมดเป็นศูนย์ กฎกรรมยังเดินต่อท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่

๑๑.ทุกข์เกิดที่ไหน ละที่นั้น ทุกข์ใจเป็นทุกข์ที่ยาวนาน ละอะไรได้ก็ละ ถ้าไม่ได้คำสอนพระพุทธเจ้าทั้งหมดตกเป็นโมฆะ...อายุมาทนอีกนิด อายุน้อยเหนื่อยและเจ็บแน่นอน...ถ้าเป็นหญิงเจ็บยาวๆๆๆ......

๑๒.เห็นแล้ว มีคนชราเฝ้าดูทรัพย์ที่ได้มาอย่างปีติ ว่า จม ไม่ไปไหน เกิดมาเพื่อทรัพย์วัตถุธาตุ.....กรรม....

๑๓.เมื่อเราเห็นความตายรออยู่ข้างหน้า ความอยาก ความหวังมันก็เบาลง ใจเราก็สงบ ไม่เร้าร้อนกระวนกระวาย หดหู่ คับแค้น เศร้าหมอง ทุกข์ใจก็ดับลง....

๑๔.จิตมนุษย์ปุถุชนทั่วไปไม่พึ่งประสงค์ให้ผู้ใดดีกว่า เหนือกว่า เห็นผู้ใดหายนะซะใจ เสมอกว่าเริ่มไม่พอใจ ดีกว่าอิจฉา พยาบาท....

๑๕.เวลาชีวิตที่เหลือน้อย เทียนไขที่กำลังจะดับ หรือโรคภัยที่เป็นอยู่อาจบอกความจริงแก่เราได้บ้างว่า สิ่งที่ได้มาทั้งหมดกำลังจะเท่ากับศูนย์....แล้วเหนื่อยทำไม..กรรมใครกรรมมัน........เลี้ยงโตแล้วก็ไป..มันมีห่วงๆ ถ้ากิจการร้านค้าต้องสละ เตรียมทิ้ง...ไม่ทิ้งก็ต้องทิ้ง...

๑๖.ร่างนี้อยู่กับเราไม่นาน สร้างกุศลไปเรื่อยๆ....

๑๗.ถูกโลกสร้างขึ้นมา เมื่ออยู่นานอ้างความเป็นเจ้าของ ร่างนี้ไม่ใช่ของเราเป็นของเราชั่วขณะๆๆ พร้อมแตก เรามีความตายเป็นที่สุดรอบ...ระลึกตายหากินเบา..เบาๆ เดินเบา..

๑๘.กายนี้ไม่เที่ยง(รูปังอนิจจัง)เป็นรังของโรค เมื่อขับยานพาหนะประหนึ่งคือระเบิดเวลา

๑๙.เมื่อเมา ติด หลง บ้า จม งมงาย ยินดี พอใจในบัญญัติ ตัวตน หรือภพ ผลคือวน วก วนเวียนในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวไกล....อสงไขยแสนกัป ย้อนเวลาไม่ได้ไหลไปสู่ความแตกดับทั้งหมด....เป็นเพียงกลุ่มชีวิตแวบๆในจักรวาล...(โลก ดวงอาทิตย์แตกดับมาหลายใบแล้ว)...ไม่พึ่งมั่นหมาย มีมากเจ็บมาก มีน้อยเจ็บน้อย มีพอดีพอกำลัง..สบายใจ..

๒๐.ไม่ได้อะไรแถมเหนื่อยแต่จิตวิญญาณต้องท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่เพียงชาตินี้ใจก็คิดไม่หยุดหรือหยุดไม่ได้แล้ว เกิดเป็นมนุษย์ กรรมจริงๆ แต่กำหนดภูมิภพได้เรื่องเยอะจิตก็ทำงานเยอะ เรื่องเดียวก็เยอะ เช่น มีโรคทางกาย ใจผูกอยู่กับบุตร กิจการ ทรัพย์ราคาเกินกำลังหรือสิ่งที่รัก อายุมากต้องเตรียม...อายุน้อยต้องเหนื่อย...ถ้าเป็นหญิงเจ็บยาวๆ ยาวๆ..

๒๑.เวลาหมดทรัพย์หมด มีมากต้องรักษา มีปัญหาเวลาไป ถูกอุปโลกน์ ขึ้นมาเขาใจว่าเป็นตัว เป็นตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา เป็นเขา เป็นเพียงธรรม แต่หลงความเป็นตัวตน...ความเที่ยง... ย้อนเวลาไม่ได้.....หนทางที่ยาวไกล...ผลผลิตแห่งจิตวิญญาณคือภูมภพที่ดำเนินต่อ......ทำกรรมดีจิตไม่เศร้าหมอง ตายก็สบายๆๆๆ...

๒๒.รูปไม่เที่ยง(เสื่อมพัง)ไม่ควรมั่นหมาย ไม่พึ่งติดในเนื้อ ในหนัง ในเอ็น ในกระดูก ลำไสใหญ่...อาหารเก่า...เยื่อในกะโหลกศีรษะ พังผืด ตกขาวๆๆ..หรือมองให้เป็นน้องสาวเมื่อเห็นเนื้อขาว หรือพี่สาวเมื่อเห็นแกมแดง หรือแม่ๆๆเมื่อเสริมฉาบปรับแต่ง หรือตอนมีกลิ่น ต้องภาวนา เมื่อชอบก็ฟุ้งซ่านโทษภัยก็ตามมา....จะกอดที่ต้องมีต้นทุน...เดี๋ยวเขาก็หักหลังเรา ไม่จริงใจกับเราหลอกเอาตังเรา....ยาว...ถ้าตกลูก

๒๓.หากินลืมตายจะเหนื่อย หากินนึกตาย เบา เย็น สงบ ชีวิตขาดคำนวณ ชีวิตตก ตกชีวิต

๒๔.หากินไม่มากเพราะไม่ได้อะไร ถูกธรรมชาติอุปโลกน์ ขึ้นมาแล้วก็แปรเปลี่ยนและแปรปรวนสลายหายไปในที่สุด ถ้ายึดไม่อิสระ เมื่อมีก็ต้องยึด หวงห่วงหา...(เมาหลง)ติดบัญญัติ ติดสมมุติหาเห็นวิมุติได้ไม่ เมื่ออยู่นานเข้าใจว่าร่างกายเป็นของเรา สิ่งนี้สิ่งนั้นสิ่งโน้นเป็นของเรา ผลรวมของการมีเท่ากับศูนย์ แต่จิตวิญญาณไม่สูญจะต้องดำเนินท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่ตามกฎกรรมที่ทำมา

๒๕.เมื่อได้ยิน ได้เห็น  ได้รับรู้ หรือถูกกระทบในสิ่งที่ไม่ชอบย่อมเป็นทุกข์ เช่น เขาพูดกับเราไม่ดี เขาไม่ชอบเรา เขาด่าเรา เขาให้ร้ายเรา เขาแกล้งเรา เขาเอาเปรียบเรา เขาโกงเรา เขาเบียดเบียนเรา เขาไม่แบ่งเราเลย เขาโกงเรา เขาเอาไปเสียทั้งหมด เขาไม่จริงใจเรา เขาหรอกเรา เขาแสร้างทำดีกับเรา....พึ่งระลึกหรือพิจารณาว่า มันเป็นกรรมของสัตว์ที่ยังติดอยู่หลงอยู่เมาอยู่ เขาไม่รู้ เขาออกไม่ได้ เขาไม่รู้อะไรเลย เขามืดบอดอยู่ เขายังไม่เห็นพระสัทธรรม เขายังอีกไกล เขาไปไหนไม่ได้ เขาต้องเวียนวน เขาต้องได้รับการเมตตา เขาน่าสงสาร เขาไม่รู้กาลข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้อะไร เขาทำเพื่อลูกเมียหรือสามี เขาต้องดิ้นรน เขาต้องแสวงหา เขาต้องประชัน เขามองไม่เห็นโทษภัย เขาหยุดไม่ได้  หรือจิตเขาถูกย้อมมานานหลายภพภูมิชาติ รอเวลาที่ถูกปลดปล่อย และพัฒนาไปเรื่อยๆซึ่งระดับจิต(บัวสี่เหล่า,ภูมิจิต,ภูมิธรรม) หรือจะกำหนดพิจารณาว่าเป็นกรรมเก่าที่เคยเบียดเบียนกันมาหรือเป็นกรรมของวัฏฏะก็ได้.....เราพิจารณาจนจิตเราสงบ ดับ เย็น เบา เมตตา สงสาร....ถ้าไม่กำหนดรู้ หรือพิจารณา

พิจารณาตามแนวเช่นว่านั้น ใจก็จะเคืองแค้น พยาบาท จองเวร แก้แค้นตอบโต้ทำลายล้าง  เวรกรรม บาปกรรมก็ไม่สิ้นสุด ยุติ.....เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ผูกเวร

๒๖.เครื่องยนต์ติดไม่ดับก็พัง ใจคนนึกคิดปรุงแต่งไม่หยุด(ไม่สงบ ดิ้นรนกระวนกระวาย เร้าร้อน ซัดส่าย หวั่นไหว หดหู่)ก็พัง(เหนื่อย เครียด วิตก เศร้าหมอง ฆ่าตัวตาย)ก็เพราะกรรม(กรรมดำหรืออกุศล)ส่วนกรรมขาวฝ่ายกุศลเบา เย็น ปีติ อิ่มเอิบ ปลอดโปร่ง การมีทรัพย์หรือสมในสิ่งที่หวังก็ยิ้ม ผ่องได้ แต่ไม่เที่ยงเพราะเป็นสิ่งภายนอก ใจคนมีการถูกกระทบตลอดเวลา หรือทุกข์ตลอดตรวจจับไม่ได้เพราะมีเรื่องวุ่นวายมากส่งออกนอกตลอด(จิตตั้งลำไม่ได้)จึงไม่เห็นจิต จึงต้องฝึกและศึกษาธรรมเพื่อดับทุกข์น้อยใหญ่ ส่วนกายดับง่าย หิวกินข้าวดับเวทนาจบ แต่ใจอยาก หยุดยาก หรือไม่ได้ต้องมีอุบายหรือปัญญาเพื่อชำระอันเป็นไปตาม ศีล สมาธิ ปัญญา หรือมรรค ๘ ที่สำคัญต้องฝึกสติ จนเป็นมหาสติ เบื้องต้นฝึกดูกายเพื่อเห็นจิต อายุมากดีเพราะเหนื่อยมามากแล้ว อีกไม่นานก็ได้ตาย ส่วนเด็กเจ็บยาว เจ็บยาวๆ เพราะต้องผ่านหลายขั้นตอนของชีวิต   โดยผู้หญิงหากได้คู่ครองไม่ดี เจ็บยาวๆแน่ๆ เศร้าหมอง

๒๗.ภายใต้บังคับแห่งไตรลักษณ์ และกาลเวลา(เวลาอนันต์)หรือภูมิภพชาติลาภ ยศ สรรเสริญ สุขเป็นเพียงเมฆหมอก เงินเหมือนใบไม้แห้ง(สภาวะ ยุค สิ่งสมมุติ บัญญัติร่วมกันรับรองร่วมกันโดยมนุษย์ยุคหนึ่งๆ)

๒๘.พระพุทธเจ้าไม่ปรารถนาให้สัตว์ใดมีทุกข์เลย การถูกเบียดเบียนเป็นทุกข์ในโลก การไม่ถูกเบียดเบียนเป็นสุขในโลก เราจะอยู่อย่างผู้ไม่มีเวร..... ผู้ไม่มีเวร..... ผู้ไม่มีเวร......

๒๙.มรณะภัยคู่กับสัตว์ทุกตัวตน ชีวิตมนุษย์อยู่ได้เพียงชั่วยาม เพียงชั่วครู่ เพียงนานกว่าเดิม หรือคนละแวบ คนละแวบ แวบ ดั่งจุดหนึ่งบนเส้นทางอนันต์ที่ย้อนเวลาไม่ได้ หายกันไปหมดเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ

๓๐.ไม่ก่อเวร ไม่สร้างเวร ไม่มีเวร ไม่จองเวร หมดเวร เหลือแต่วิบากกรรม  จิตปรุงแต่นึกคิด สบาย.....เย็น...หาทรัพย์แล้วมาตายหาทำไม หรือหาทำไมมากๆ ...

๓๑.ถ้าไม่ระลึก หรือภาวนาถึงความตายยังไงก็ไม่เห็นแจ้งชัดถึงความจริง ยังไงก็ติดโลก เมาโลก ทิ้งโลกไม่ได้.....มนุษย์มีเวลาน้อย ไม่เที่ยง...แตกดับ...

๓๒.อีกไม่นานก็เคี้ยวกินคะน้าไม่ได้ อีกมานานเมื่อกินหมู่ก็คลายทิ้ง อีกไม่นานสิ่งที่เห็นก็จะไม่ได้เห็น สิ่งต่างๆที่ได้เห็นได้ยินก็ผ่านไปอย่างไม่หวนคืนกลับ อดีตในโลกนี้ไม่มี มีแต่ปัจจุบันที่กำลังจะผ่านไปและไหลเลื่อนไปทุกขณะๆๆ

๓๓.มีทุกสิ่งแต่ใจยังทุกข์โศก กรรม.... ปลาขาดน้ำคนขาดธรรม เมื่อปรารถนาฟุ้งซ่านทันที วิตกหงุดหงิดคับแค้น......ก็ตามมาตามลำดับ...เมื่อหากินให้ตายก็ตายไปกับสิ่งนั้น บ้างก็ทุกข์ บ้างก็สุข(ติด ยินดี พอใจ หลง เมา จม ยึด มั่นหมาย ถอนไม่ขึ้น)ส่วนที่ทุกข์  ถ้าชีวิตมีการคำนวณสักนิดจะต้องไม่เจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ต้องดูวัน ดูเวลา ดูวัย ดูกำลัง ดูเหตุ ดูปัจจัย ดูดีๆ....ใจก็คลาย ดับเย็นให้แก่ดวงจิต การดำรงชีวิตของมนุษย์ไม่ใช่ของหมูๆ...กว่าผมจะกลายเป็นสีขาว...เหนื่อย ยาว  ถ้าเป็นหญิงเจ็บยาวๆ หรือเจ็บยาว...แค่ได้คู่ก็จุกแล้ว..ทั้งธาตุขันธ์อีก..ที่สุดไม่ได้อะไร สุดท้ายก็ว่างเปล่า แตกดับสลายหายกันไปหมดทั้งภูเขา ประเทศ โลก ดวงดาว อวกาศ แปรเปลี่ยนไหลเลื่อนไม่ย้อนคืนกลับ เป็นอนันต์.........อยู่กันคนละแวบ โลกคือหมู่สัตว์

๓๔.เราอยู่บนความตาย เราอยู่กับความไม่เที่ยง เรามีแล้วมาหมด เราได้แล้วมาจาก แล้วเราก็ต้องไป แล้วทำไมเราหาเยอะจัง ไม่เหนื่อยหรือ ไม่ก่อเวรหรือ ไม่สร้างเวร ไม่มีเวรหรือ แล้วจะหมดเวรอย่างไร...ใจไม่เคยหยุด จิตวิญญาณถูกทำร้ายมาแสนยาวนานหลายภพภูมิชาติ เราไม่พึ่งทอดทิ้งจิตวิญญาณดวงนี้ มันถูกทอดทิ้งมานานจริงๆ มันถูกข่มขืนใจแสนนานจริงๆ มันถูกย้อมมานานจริงๆ จนมันขึ้นมาไม่ได้โดยเฉพาะกิเลสมาร....

๓๕.บอกคนแก่คนชราหลายคนแล้วว่า ให้ทิ้งโลก ให้ทิ้งโลก ให้ทิ้งโลกเสีย เวลาหมด ละครจบ ต้องจบ...

๓๕.ดอกบัวเกิดและเจริญงอกงามในน้ำแต่ไม่ติดน้ำทั่งส่งกลิ่นหอมชื่นชูใจให้รื่นรมย์ ฉันใด พระพุทธเจ้าทรงเกิดในโลก และอยู่ในโลกแต่ไม่ติดโลกเหมือนบัวไม่ติดติดน้ำ ฉันนั้น

๓๖.เราถูกย้อมมานานไม่รู้กี่ภพภูมิชาติ เราถูกย้อมตั้งแต่แรกเกิดยันตายเราถูกย้อมแล้วย้อมอีก เราถูกย้อมไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ แล้วเราจะเดินออกได้อย่างไร เราพึ่งรีบตื่นมองดูโลกแห่งความจริง ทางนี้เป็นทางสายเอก ธรรมแท้ไม่มีรูปแบบ แต่ก่อนที่จะถึงธรรมแท้ก็ปฏิบัติไปตามรูปแบบ แต่บ้างสะกิดนิดเดียวเห็นตามถึงอุทาน...พุทโธ โอ้โห!!!  ธัมโม โอ้โห!!!  สังโฆ โอ้โห!!! บางชุมชนถูกวิถีประเพณีย้อม บางชุมชนถูกลัทธิศาสนาย้อม บางชุมชนถูกผู้นำย้อม บางชุมชนถูกวัตถุนิยมย้อม บางชุมชนถูกสภาวะเหตุปัจจัยย้อม แต่ที่สำคัญถูกกิเลสย้อม...ย้อมจนไม่เห็นความจริง(ปรมัตถธรรม) ติดสมมุติไปสู่ วิมุติหาได้ไม่

๓๗.บ้านหลังใหญ่ให้ ตำแหน่งดีให้ อำนาจให้ ทรัพย์สมบัติให้ เงินก็ให้ ให้ทั้งหมดเลย แต่ได้ใช้แค่ ๕ ปี ๑๐ ปี แล้วตายนะ ความตายเป็นของเที่ยง มาเยี่ยมชมโลกเดี๋ยวก็ไป

๓๘.เมื่อรู้ว่าความตายกำลังเข้าใกล้หรือใกล้จะถึงเครื่องยนต์ที่เร่งอยู่ก็ผ่อนลง เริ่มมีสติ เริ่มเห็น เริ่มแจ้ง(ระลึกบ่อยๆ หรือภาวนา) เริ่มหายมึน เริ่มหายงง ความโกรธ  ความแค้น ความพยาบาท ความทะยานอยาก การบินสูง เริ่มปรับระดับลงมา เริ่มเบา เริ่มเย็น เริ่มหายเมา เริ่มหายหลง เริ่มหายอยาก เริ่มออก เริ่มละ เริ่มวาง เริ่มสงบ เริ่มว่าง......สรุป เริ่มอะไรอะไรดีดีขึ้น ความตายเป็นยาขนาดเอก รักษาใจได้ทุกโรค

๓๙.การบอก หรือแจ้ง หรือประกาศ หรือชี้ให้เห็นความตายเป็นการชี้หรือเปิดขุมทรัพย์........เป็นขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ ไม่เที่ยงหนอ...

๔๐.ยุ่งกับโลกต้องเจ็บเป็นธรรมดา ยุ่งกับธรรมสบาย ตายก็สบาย แต่มีปัญหาจะออกยังไงได้

๔๑.เราชอบเขา ชอบป่า ชอบเกาะ ชอบทะเล ชอบแม่น้ำ ชอบหนูๆ ชอบชอบ ถ้าตายลงได้บอกแล้วให้บรรจุใส่โลงไปให้ด้วย.....แบบนี้เรียกว่าเมาจัด หลงจัด ที่สุดแห่งจม ผูก

๔๒.ไม่ฆ่าเขาก็ตาย มนุษย์สัตว์ทั้งหลายต่างมีกรรมเป็นของตน ปล่อยไป ปล่อยไป เขาต้องเลี้ยงลูก เขาต้องเลี้ยงเมีย เขาต้องเลี้ยงผัว เขาต้องเลี้ยงพ่อแม่ เขาลำบาก ใจจะเบา เย็น.....คิดดีใจจะเย็น.....คิดร้ายใจจะร้อน...ไฟ.....

๔๓.เชื่อพระพุทธเจ้าสักทีได้ไหม เปิดโลกแห่งมรรคา ทิ้งแผนที่ชีวิตไว้แล้ว ธรรมเป็นกุญแจแห่งชีวิต เราถูกโลกหลอกมาตั้งแต่เกิด ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามความคิด แต่มีปรมัตถธรรมเพื่อแจ้งความจริงแห่งชีวิตและโลก...........อีกไม่นานจะไม่ได้พบกันชั่วนิจนิรันดร......เจ็บให้ตาย.......

๔๔.เราต้องเตรียมทิ้งสิ่งต่างๆ ที่มีที่เป็น..ก่อนเขาจะทิ้งเรา เพราะเป็นการถูกบังคับจิตจะเศร้าหมอง..............อายุน้อยต้องเตรียม อายุมากต้องพร้อมโดยเฉพาะผู้มีโรคหรือธาตุขันธ์เสื่อม

๔๕.อายุมากโชคดี อายุน้อยโชคร้าย คนจนโชคดี คนรวยโชคร้าย คนโง่โชคดี คนเก่งโชคร้าย คนเป็นทาสโชคดี คนมีอำนาจโชคร้าย เพราะ...........อายุมากเดี๋ยวก็ได้ตายไม่ต้องทุกข์อีกแล้ว เมื่อจน ตายจิตก็ไม่ต้องห่วงทรัพย์ เมื่อโง่ก็หยุดแข่งขัน ตัวตนก็น้อยลง เป็นทาสไม่ถูกแย่งชิง ไม่ถูกหักหลัง ไม่ถูกโกหก ไม่ถูกให้ร้าย ไม่ถูกปองร้าย ไม่ถูกลอบสังหาร ที่สำคัญ คนมีอำนาจไม่อยากตาย....แต่กฎกรรมดำเนินต่อไปตามเหตุตามปัจจัยตามกฎกรรมที่ทำมา...

๔๖.ถ้าไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย หรืออายุยืนยาว หรือบุญบาปไม่มี หรือคำสอนพระพุทธเจ้าไม่จริง จะหากินให้มันเลย จะหากินให้สุดสุดเลย จะเอาให้หมดเลย จะไม่แบ่งใครเลย จะดูด จะอม จะกิน จะไม่ถ่าย จะไม่ผาย จะไม่หายใจ หรือจะไม่ให้แม้แต่อากาศธาตุออกจากร่าง เอาหมด ทั้งหมดของฉัน....ของฉันทั้งนั้น....

๔๗.เมื่อเคลื่อนไหวจะมีแรงปะทะ เคลื่อนไหวมากหรือแรงก็เจ็บมาก แม้นิ่งก็เจ็บ จิตดวงนี้เปราะบางและบอบบาง ถูกกระทบทุกขณะ พูดไม่หวานก็เคือง....แค่ร้อนหน่อยทำบ่น แค่หิวก็เริ่มมีอารมณ์......

๔๘.รถมีเบรก จิตจะหยุดได้ต้องมีอุบาย หรือฝึก(สติ) หยุดไม่ได้...ตาย...คิดนานเครื่องพัง...จิตเป็นกุศล....ดี สบาย..

๔๙.เราได้ใช้มันไม่กี่ครั้ง แต่เหนื่อยมาทั้งชีวิต ชีวิตตกคำนวณ...กว่าจะรวบรวมหามาแทบตาย....แต่ใช้เดี๋ยวเดียวหมด...กรรม......

๕๐.เราจะเดินไปที่ไหนก็ตาม ที่สุดเราก็เดินเข้ากองไฟ แต่ก่อนที่จะจากโลกนี้ เราจะไม่สร้างบุญกุศลเลยหรือ เราจะไม่ให้ประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์น้อยใหญ่เลยหรือ เราจะให้วันเวลากลืนกินชีวิตเราหรือ เรารู้ได้อย่างไรจะอยู่ถึงชรา....ที่สุดเราก็ไม่ได้อะไร...สุดท้าย จิตวิญญาณรับไปเต็มๆๆๆ...

๕๑.อายุที่เหลือมีน้อยทุกคน ที่สำคัญมนุษย์อายุไม่ยืน เกิน ๘๐ ก็ไปแล้ว ครั้น ๗๐ ก็หนาว เริ่มปริ แตก ดังนั้น ๖๐ ต้องเตรียมจริงๆ ต้องมาเห็นแจ้งธรรมเห็นแจ้งความจริง กฎธรรมชาติหรือที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้น เราอยู่กับจิตแต่ไม่เห็นจิตตัวเอง เบื้องต้นให้ฝึกดูกายหรือฝึกกาย(จับการเคลื่อนไหวทุกขณะหรือทำความรู้สึกกับสิ่งที่สัมผัสหรือระลึกรู้ตรงๆ)เพื่อเห็นจิต แต่ต้องมีศีลเป็นพื้น ข้อสังเกต จะเห็นจิตตัวเองว่า ทำกรรมเช่นใดใจก็ปรุงแต่งนึกคิดเช่นว่านั้นทำดีใจก็สบาย ทำไม่ดีใจก็เศร้าหมอง ชีวิตไม่มีอะไรมาก ที่ได้ได้ ไม่ได้ แถมมีปัญหาแน่ ชดใช้แน่ หนักแน่ๆ จิตจะชุ่มชื่นก็ด้วยกุศล ถ้าแห้งเหี่ยวแสดงว่าอกุศลเพียบ ภาวะจิตเช่นว่านี้ถ้าตายลงไม่ดีแน่

                                      

 โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์

 ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม