วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๖


สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๖

๑.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้

๒.โลกคือไอติมหรือน้ำแข็ง เราคืออนุภาคของโลก(อนุภาคไอติม) เราถูกอุปโลกห์ขึ้นมาแล้วดับ บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของของตนเพียงดื่มอาบเคี้ยวกินแล้วก็ไป

๓.ทำตัวให้เหมือนแผ่นดิน หรือให้เหมือนดังคนตาย ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน ผลรวมของการได้เท่ากับสูญ ได้ใช้ไม่กี่ครั้ง เหนื่อยทั้งชีวิต ถูกหลอกมาก็ทั้งชีวิต เมา...

๔.ละกิเลสไม่ได้อยู่ต่อไปมีแต่ขยายภพภูมิชาติ กฎกรรมไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องงมงาย เพียงแต่อาจยังไม่โน้ม ไม่ฟัง ไม่ฝึก ไม่อบรม ไม่พิจารณาก็ปฏิเสธเสียแล้วแบบนี้เจ็บฟรี แบบนี้ตายฟรี แบบนี้วก วน เวียนไปๆมาๆ มาๆไปๆ ไปเรื่อยๆ ขณะปัจจุบันเพียงคิดร้าย ใจก็ร้อนแล้ว หรือก่อเวรมาใจก็กระวนกระวายเร้าร้อน จิตไม่สงบ คนไม่เห็นทุกข์ เจ็บตาย

๕.ความเคารพอ่อนน้อม ธรรมย่อมเกิด มีแก่ตน

๖.พอรวยหน่อยก็มาตาย พอฐานะดีหน่อยก็มาตาย พอสุขสบายหน่อยก็มาตาย พอใหญ่ได้หน่อยก็มาตาย พอได้ตำแหน่งใหญ่หน่อยก็ครองได้พักเดียว พอได้พักผ่อนได้ไปเที่ยวสุขไม่กี่ครั้งก็มาตาย พอทำงานหาเงินได้มาอยู่กับลูกหน่อยมาก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินสร้างบ้านได้หน่อยก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินผ่อนบ้านเสร็จได้หน่อยก็มาตาย พอเก็บเงินมาทั้งชีวิตก็ถูกหลอกไปหมด พอเก็บทรัพย์มาทั้งชีวิตก็ถูกบริวารใช้หมด พอเรียนขั้นสูงจบมาก็ตาย พอเรียนตอนแก่อายุมากเรียนจบได้หน่อยก็มาตาย พอมาได้เมียสาวเสพสุขได้หน่อยก็มาตาย พอได้...............ได้หน่อยก็มาตาย พอมี............ได้หน่อยก็มาตาย พอเป็น............ได้หน่อยมาก็มาตาย สรุปใช้ชีวิตต้องคำนวณ ไม่พึ่งเหนื่อยเจ็บทนทรมานเพื่อเอาชีวิตไม่กี่สิบปีมาแลก แบก ประชัน หรือเพื่อหวังมาสุขปั้นปลาย ไม่เที่ยง ไม่เที่ยง ไม่เที่ยงหนอ...

๗.เมื่อ อยู่ร่วมกับผู้ไม่มีศีล ไม่มีวินัย ไม่มีมรรยาท ไม่มีความรับผิดชอบย่อมถูกกระทบหรือถูกเบียดเบียนและถูกกวนใจ(หงุดหงิด เคือง คับแค้น น้อยใจ) เป็นธรรมดา ไม่พึ่งเคืองหรือโกรธเพราะมนุษย์สัตว์ต่างมีกรรมหรืออุปนิสัยหรือระดับสติ ปัญญาหรือภูมิจิตภูมิธรรมหรือคุณสมบัติแตกต่างกันไปจึงแสดงการกระทำหรือ พฤติกรรมออกมาในลักษณะนั้นๆ เมื่อยอมรับตามความเป็นจริงแล้ว ใจเราก็ดับเย็น เบา ....

๘.เมื่อระลึกว่า ได้แค่โลง โกงทำไมจิตยั้ง จิตหยุด จิตละหรือผงะ

๙.อายุยืนไม่ดีอยู่ไม่เป็นสุขเพราะอวัยวะน้อยใหญ่เสื่อม รับรู้กระทบสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ไม่สุขมิก่อประโยชน์แก่ตนรังแต่อยู่เพื่อชดใช้กรรมโดยเฉพาะการปรุงแต่งจิตในสัญญากรรมที่ก่อไว้ไม่ดีจะหลอน คนแก่ที่มีอดีตไม่ดีหรือมีเหตุค้างหรือคาทิ้งไว้ ไม่พึ่งให้อยู่ตามลำพังเพราะจิตจะปรุงแต่งมากๆ

๑๐.กฎกรรมไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่มันเป็นกฎธรรมชาติเป็นปัจจยาการมีเหตุปัจจัยเป็นห่วงโซ่มีกิเลสมีกรรมมีวิบาก ลากยาวเป็นอนันต์ๆ จุดที่เราอยู่แวบหนึ่งเมื่อเทียบกับเวลาอนันต์ อยู่กันไม่นานดังถูกอุปโลกห์ขึ้นมาแล้วก็ดับไป ย้อยเวลาไม่ได้เดินหน้าไหลลงดินไม่มั่นหมายๆๆมายึดมีตัว มีตน ทั้งที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของของตนเพียงได้ใช้แล้วก็จาก ไม่หลง ไม่เมา ไม่จม ไม่บ้า ไม่ติด ไม่ยึด ไม่ข้องหรือยินดีพอใจจนเกินไป ใช้เสร็จแล้วก็วางแล้วก็ไป ไปซะ

๑๑.เมื่อรู้โทษเวรภัยใจก็โน้มธรรม ตามธรรม ไม่เจ็บไม่มาหายเจ็บก็เอาอีกเจ็บ

๑๒.รวยคงรวยไม่กี่วัน สุขคงสุขไม่กี่วัน มีเกียรติคงมีได้ไม่กี่วันเพราะอายุที่เหลือน้อยลงทุกวันๆไปต่อไม่ได้แล้ว ลุกที่ขาสั่น ขันธุ์ ๕ หนัก โดยเฉพาะใจที่ปรุงแต่งมั่นหมายฟุ้งซ่าน หงุดหงิด คับแค้น วิตก หดหู่ เศร้าหมอง ขัดเคือง มนุษย์เหนื่อยกับความคิด ใช้ธรรมดับเย็นได้

๑๓.ใจรู้ไม่ยึดติด ใจยึดติดยังไม่รู้ อาณาจักรน้ำแข็ง โลกคือไอติมแตกมาแล้วหลายใบ หลายอสงไขยแสนกัป

๑๔.อีกไม่นานตัวเราจะกลายเป็นหนอน..คิดร้ายใจก็ร้อน ถูกกิเลสเผาใจ(ทุกข์)หงุดหงิด คับแค้น ปรารถนา สงสัย ไม่รู้ วิตก อิจฉา พยาบาท ไม่ชอบ ชอบ ใช้ธรรมดับเย็นได้

๑๕.ทิ้งศีลก็ทิ้งธรรม จิตก็ถูกทิ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีทางออก พึ่งวัตถุ พึ่งบุคคล พึ่งสถานที่ พึ่งสิ่งอื่นใดก็พึ่งได้แค่ชาตินี้ สมัยนี้ ใจก็หาความเป็นอิสระไม่ได้ ผูก..กรรม..

๑๖.ภพมนุษย์ต้องทุกข์โดยเฉพาะหญิงมีสามีร้อยละ ๗๐% - ๘๐% ทุกข์ยาวๆ(มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ ถ้ามีใจกับชายอื่นอีกก็กรรม เวร)เราไม่พึ่งซ้ำหรือเติมทุกข์ให้แก่ผู้ใดอีก มนุษย์สัตว์ทุกข์พอแล้ว เจ็บพอแล้ว เดี๋ยวก็จะจากทุกสิ่งแล้ว เจ็บนะที่หามาเยอะๆ คนแก่สบายเดี๋ยวก็ได้ตาย แต่สุขมากไม่อยากตาย ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน ไม่ใช่ของเราเป็นของเราเพียงชั่วขณะ

๑๗.ธรรมจริงเป็นของวิเศษ เย็น เบา สงบ เช่น เมตตา อภัย ธรรมแท้ๆต้องละกิเลส....เช่น ระลึกไตรลักษณ์หรือความดับบ่อยๆ(มรณะสติ) อนึ่ง มีวัตถุมากจิตสงบไม่ได้ ชีวิตคือจิต

๑๘.ยิ่งพูดหวานยิ่งหลอก ยิ่งให้เราเท่าไรก็ยิ่งจะเอาเราเท่านั้น ยิ่งตามใจเราเท่าไรก็ยิ่งให้เราตายใจเท่านั้น คบบัณฑิต ดี..

๑๙.ถึงใบหวยให้โชคลาภนับหลายครั้ง(ไม่เห็นรวย หรือถึงรวยก็ยังเห็นทุกข์อยู่ อยากอยู่ หลงอยู่ เมาอยู่)ทั้งป้องกันสรรพภัย(เห็นดับจากภัยที่ขอหรือภัยอื่นมาเยอะ)และให้มีอายุยืนอมตะนิรันดร(เห็น ๗๐ ปี ๘๐ ปี ก็ไปทุกราย ถ้าไม่ไปก็อยู่ไม่มัน) ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ได้จริงหรือไม่สะเด็ดน้ำยังวกวนเวียนในสังสารวัฎฎ์ ไม่เห็นทางออก แต่กลับติดยินดีพอใจผูกข้องในลาภและยังยืนนั้นยังแต่จะเพิ่มและสะสมปรารถนาและแย่งกันให้ร้ายกันเพื่อรวยๆๆ สร้างตัวตนทำให้สลายหรือถอดถอนตัวตนไม่ได้คือยึดมีตัวมีตนเมื่อยึดมีตัวมีตนก็ยึดแผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า หรือโลกเป็นของฉัน ตรงข้ามกับอนัตตา(ไม่ใช่ไม่ใช่ตน)หรือธรรม

๒๐.แจ้งโลก ไม่โลภ หากินแล้วก็ตาย อยู่ก็ประชัน กรรม

๒๑.จิตหลง หมายถึง เมา งมงาย จม ผูก ข้อง ติด หรือบ้าอยู่กับโลกหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งหรือเห็นว่าโลกเที่ยง จักรวาลเที่ยง สิ่งต่างๆเที่ยงมีหรือเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่แตกไม่ดับ อาณาจักรน้ำแข็ง อาณาจักรไอติม โลกคือไอติม สุญโญ ติดบัญญัติติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ

๒๒.โลกนี้ไม่เป็นของใคร จับจองแผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า เราคือสมบัติหรืออนุภาคของโลกชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป ไม่หลง ไม่เมา ไม่จม ไม่ผูก ไม่ยึด ไม่ข้อง ไม่ยินดีหรือไม่พอใจเกินไปแค่ได้ใช้แล้วก็จากหายไป ยิ่งหลงยิ่งเหนื่อย ยิ่งหลงยิ่งดิ้นรน ยิ่งหลงยิ่งแบก ยิ่งหลงยิ่งหลง ยิ่งหลงพูดไม่รู้เรื่อง ยิ่งหลงยิ่งกำหนดภพไม่ได้ วกวนเวียนอยู่ลูป

๒๓.เมื่อรู้ว่าความตายกำลังเข้าใกล้ หรือใกล้จะถึงเครื่องที่เร่งอยู่ก็ผ่อนลง เริ่มมีสติ เริ่มเห็น เริ่มแจ้ง(ระลึกบ่อยๆ)เริ่มหายมึน เริ่มหายงง ความโกรธ ความพยาบาท ความแค้น ความทะยาน การบินสูงเริ่มปรับระดับ เริ่มเบา เริ่มเย็น เริ่มหายเมา เริ่มหายหลง เริ่มหายอยาก เริ่มออก เริ่มละ เริ่มวาง เริ่มสงบ เริ่มวาง เริ่มอะไร อะไรดีดี ขึ้น...ความตายเป็นยาขนานเอก รักษาใจได้ทุกโรค ถอดถอนตัวตนธาตุขันธุ์ ตายทุกวัน เจ็บทุกวัน...อายุที่เหลือก็น้อยลงๆๆ

๒๔.สุขมากไม่อยากเดินออกจากโลก ติดโลก ยินดีต่อโลก หลงโลกไปกับโลกแล้วก็ดับไป มนุษย์อายุไม่ยืน มีสิ่งใดก็จากสิ่งนั้น ทุกข์...

๒๕.หาหรือสะสมไว้ให้ลูก หาหรือสะสมไว้ให้คนรัก หาหรือสะสมเพื่อผู้อื่นใด ลูก คนรักหรือผู้อื่นใดนั้นดับทุกข์ให้ไม่ได้ ถ้าหาได้โดยกรรมไม่ดีก็รับเอง จริงๆแล้วอายุมากกินไม่เท่าไร แต่งให้สวย หอมครั้งเดียวก็หมดราคาเพราะร่างมันงอมแล้ว มนุษย์มีกรรม ทิ้งจิตจบ

๒๖.เราเกิดมาเพื่อไม่เกิด(ชำระกิเลสให้ได้) จริงๆแล้วเราเกิดมาเพื่อตัวเราเพื่อมิให้เกิดอีกตายอีกเราตายแล้วก็เกิดเราเกิดแล้วก็ตาย เกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย ตาย

๒๗.ถูกหลอกบ่อยๆ เจ็บบ่อยๆ สูญเสียบ่อยๆ ชำรุดบ่อยๆ เสียหายบ่อยๆ หมดเงินบ่อยๆ เจ๊งบ่อยๆ เหงื่อออกบ่อยๆ เลือดออกบ่อยๆ รอคอยบ่อยๆ ผิดหวังบ่อยๆ........บ่อยๆ หย่าขาดพอประมาณ พลัดพรากพอประมาณ แขน ขา ตา หรืออวัยวะน้อยใหญ่ขาดเสื่อมครั้งสองครั้งจะทำให้เราฉลาดขึ้นมีปัญญาขึ้น เห็นชัดขึ้น แจ้งขึ้น...พิจารณาดีขึ้น...

๒๘.ทิ้งศีลทิ้งธรรม จิตก็ถูกทิ้ง ธรรมดา กายเดี๋ยวก็ดับสิ้นไป กำหนัดรีบกำหนด(กำหนดรู้,มีสติ,รู้ตัวทั่งพร้อม)ไม่กำหนดก็มีแต่กำหนัด

๒๙.เอาวัตถุ เอาฤทธิ์ อภินิหาร สิ่งบันดาลเป็นที่พึ่งไม่พ้นทุกข์ได้แต่อาศัยพักพิงพึ่งชั่วคราวเท่านั้น จิตวิญญาณตามหาพุทธธรรม บางดวงพบธรรมถึงกับร้องไห้ แต่เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้....รู้ตัวก็สายเสียแล้ว...กรรม....

๓๐.ในเวทีแห่งภูมิภพสังสารวัฎฎ์ที่ยาวไกลมนุษย์เป็นสัตว์บำเพ็ญ ทิ้งศีลทิ้งธรรม หมดราคา ถึงมีฤทธิ์เหาะมาบินมาเสกเป่าพ่นท่องก็ไม่ใช่ทางละบาปชำระกิเลส ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ถ้าตายแล้วสูญ เลิกกัน พุทธเจ้าไม่ต้องมีก็ได้ ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นานจริงๆ(เกิดมาแล้วก็หายไป)

๓๑.ฟังธรรมเสริมปัญญาไม่ฟังไม่ได้เพราะไม่รู้ทางเห็นเคลื่อนปฏิบัติก็เคลื่อน สรุปฟังแล้วโน้มตามจะเห็นบ้าง เช่นพังผืด ตกขาว ผมขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูกเยื่อในกะโหลกศรีษะเป็นอสุภะ อสุภสัญญา เมื่อเห็นสาวสวยระลึกอสุภะจะคลาย.....ดับหรือภาวนาตกขาวๆ,เมือกๆ,หนองในๆ,เหงื่อๆหรือคำใดๆเพื่อข่มหรือหยุดการปรุงแต่งจิต แต่ที่สำคัญต้องฝึกสติเพื่อเห็นจิตรู้เท่าทันอารมณ์ความคิดและมาบ่มอบรมจิตพิจารณาเพื่อถอนหรือชำระกิเลส อนุสัย ที่สุดต้องมีศีล ไม่มีศีลหมดราคา คุยไม่รู้เรื่อง ถึงมีศีลก็ยังติดอยู่ ยังดับทุกไม่ได้เพราะยังไม่มีปัญญาหรือมีปัญญาน้อย ปัญญาที่ว่านี้คือปัญญาที่รู้หนทางดับทุกข์(รู้ในรู้นอกหรือสมมุติและวิมุติ)

๓๒.ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่จะเกิดผลกรรม...

๓๓.ทำกรรมไม่ดี คิดบวกไม่ได้นาน เพียงข่มจิตทับไว้ สัญญา(ความจำได้หมายรู้)กรรมผุดปรากฏอีก และมิได้แก้ไขใจยังข้อง อกุศลมีอยู่ สรุปแค่อุบายหลอกจิตชั่วขณะ ใจไม่โปร่ง ทำกรรมใดใจก็ปรุงแต่งเช่นว่านั้น

๓๔.เมาโลก ทิ้งโลกไม่ได้ โลกก็ทิ้ง เกิดมาแล้วดับหายไปจะยึดทำไม บอกใจเราบ่อยๆ

๓๕.ผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลสจะมีจิตน่ากลัว เห็นคนฉิบหายดีใจ เห็นคนได้ดีมีดีเก่งกว่าเหนือกว่าเด่นกว่าอิจฉา เห็นใครเสมอเท่าเริ่มเคืองหงุดหงิดโจมตีให้ร้าย เห็นคนต่ำกว่าทำทีเมตตาพอไม่ซื่อหรือไม่เชื่องหรือไม่สนองกิเลสให้แก่ตนจะให้ร้าย ทำร้าย ฆ่า จิตมนุษย์ดีก็สุดๆบรรลุอรหันต์ ร้ายก็สุดๆ ล่าข้ามทวีป คิดดีใจเย็น เบา สบาย สงบ คบบัณฑิตบูชาผู้ที่ควรบูชา คบคนพาลจิตเสีย เสียเวลาชีวิต เสียชาติภพภูมิ แต่ไม่พึ่งโกรธ สัตว์ทุกตัวต่างมีกรรม

๓๖.ระวังเรากำลังถูกต้อนไปสู่ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ปุถุชนสู้เพื่อรักษาร่าง ทุ้มทั้งหมดที่หาได้มา แต่นักภาวนาจะประคองจิต รักษาจิต ส่วนอริยะเร่งบ่มอินทรีย์ให้แก่ มีคนตายทุกวันๆๆ

๓๗.ทยอยหายกันไปที่ละคนสองคนหรือหลายๆคนจนหมด หมด สูญโญ ทุกขัง อนัตตา

๓๘.ระวังสุขจะหลอกไปหาทุกข์ ยาวๆ สุขทุกข์ติดหรือต่อเนื่องกันหรือเนื่องกัน

๓๙.สุดท้ายก็ตาย วุ้นวายทำไม แย่งชิงทำไม เบียดเบียนทำไม ดิ้นรนทำไม กักตุนทำไม ใหญ่ทำไม เก่งทำไม ที่สุดทำไม   .........ทำไม......ทำไม อายุที่เหลือมีน้อย ถึงได้อะไรก็มาก็ต้องจากสิ่งนั้น

๔๐.อย่ายึดคน ต้องยึดธรรม ธรรมและวินัยแทนคถาคต

๔๑.ร่างกายเรามีค่าเพียงดิน แต่ค่าอยู่ที่เราทำประโยชน์ เมื่อถือตัว(ตัวตน)ใจก็หนัก มนุษย์ต่างด้วยอุปนิสัยและระดับสติปัญญาทั้งภูมิจิตภูมิธรรมทุกการกระทำที่ออกออกมาคือจิต ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน...ไม่หลง..มีแล้วก็จากเพียงลูกคลำก็ไป มีมากมีต้นทุนมีภาระหายะแก่จิต ลูกป่วย เมียป่วย กิจการขาดทุน รถเสียก็ทุกข์แล้ว

๔๒.ไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อบาปเป็นคนไม่มีกติกาชีวิตน่ากลัวและคนที่ไม่จริงก็ทำอะไรได้ทุกอย่างอันตรายและถ้าสะสมความไม่จริง สังคมมนุษย์ร้อน ร้อนๆ ร้อน...เมตตาๆ

๔๓.พูด ง่ายว่าจะสร้างบ้านสักหลัง กว่าจะผ่อนเสร็จแทบตายแล้วก็มาดับ หรือเงินที่หามาได้ทั้งหมดจมลงกับบ้านหลังนี้หรือชีวิตทั้งชีวิตหมดกับบ้าน หรือวัตถุธาตุอื่นใด กรรม สรุปชีวิตหมดไปกับทรัพย์(วัตถุธาตุ)หมดไปกับหล่อ กับสวย ระวังวัตถุกับหล่อกำลังรุมทำร้ายจิตดวงนี้ใช้ชีวิตต้องคำนวณโดยเฉพาะชีวิต กับสังขาร

๔๔.นานี้ของฉัน เกาะนี้ของฉัน ประเทศนี้ของฉัน ของฉันทั้งนั้น รวมตลอดถึงสิ่งที่จะเกิดมีขึ้นก็ของฉัน แต่ฉันกำลังจะไปหรือเป็นของฉันได้ไม่เกิน ๕ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี ส่วนจะได้ใช้หรือใช้กี่ครั้งมันก็เรื่องของฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน สุขบดบังทุกข์ใจผูกจิตไม่อิสระ ดับไม่ลงต่อภพต่อภูมิกันไป

๔๕.เมาโลกเมาชีวิตก็อยู่แบบเมา ถ้าละได้เลิกได้ถอนได้ออกมาเถอะ อาณาจักรน้ำแข็ง อาณาจักรไอติม ยึดสิ่งใดก็ไม่ได้ เว้น ธรรม ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่มีตัวขณะหนึ่งก็ดับสมมุติทั้งชื่อและรูปร่างติดบัญญัติจะไม่เห็นวิมุติ เมา...

๔๖.มนุษย์มีเวร มนุษย์มีกรรมทุกข์กายทุกข์ใจกันอยู่แล้ว มนุษย์ไม่พึ่งก่อเวรมีเวรสร้างเวรผูกเวรจองเวรสะสมเวรกัน ที่สำคัญมนุษย์อายุไม่ยืนและที่สุดเวลาชีวิตที่เหลือก็น้อยทุกคน อยู่นานกว่า ๑๐ ปี ๒๐ ปี แล้วไง ยังไงก็ตาย

๔๗.ฝึกสติเพ่งพิจารณาจึงจะรู้แจ้ง(เห็นโทษภัย)จึงมารู้ละรู้วาง เมื่อละเมื่อวางใจจึงว่าง เมื่อว่างอินทรีย์แก่ กระทบแล้วกระทบอีกใจก็ไม่ทุกข์แต่นี้พูดผิดหูพูดไม่หวานพูดไม่ถูกใจหน่อย อยากหน่อยก็หงุดหงิดคับแค้นเสียแล้ว มีหรือเกิดอาการ คุมจิตได้หาอุบายวิธีดับหรือคลายให้ได้ เอาธรรมมาเป็นปัญญาดับเย็นให้แก่จิต

๔๘.ความพอดีอยู่ที่ไหน ความสุขอยู่ที่นั้น ต้องคำนวณและพิจารณาดีๆ พลาดเจ็บยาว เช่น มีภาระมาก ก่อเหตุที่มีผลผูกพันต่อวันข้างหน้าเป็นปีๆ หลายปี หรือเป็นลูกโซ่ เช่น ได้กิ๊กตกลูก เงินน้อยซื้อบ้านหลังใหญ่ รถงาม เจ็บ แบกวัตถุเกินกำลัง คบผู้เห็นผิดหรือคนพาล ไม่เชื่อกรรม....หรือหลงไม่รู้ดับ.....กรรม....ต้องหาอุบายเบื่อร่างเบื่อโลกให้ได้ต้องเห็นทุกข์โทษภัย คนไม่เห็นทุกข์ยังไงก็มัน มันๆ มันต่อ มันต่อไป

๔๙.กรรมไม่ใช่ความเชื่อแต่เป็นความจริง เช่น ทำผิดวิธี วิถี งานค้าง เรื่องเยอะทั้งค้างและมีต่อ หรือมีเรื่องกับผู้ใดจิตก็วิตกหวั่นไหว เศร้าหมอง ทั้งนี้ไม่รวมตลอดถึงอยาก เมื่ออยากก็เศร้าหมองจิตก็ฟุ้งซ่าน(ทุกข์) ยิ่งแสวงสุข ทุกข์จะมาหา

๕๐.ใจมีคุณธรรมจะเย็น จิตจะปรุงแต่งสบายๆ ใจที่ไร้คุณธรรมจะร้อนจิตไม่สงบไม่จบ จบเจ็บ สติต้องฝึกเพื่อเห็นจิต สติจิตธรรม ต้องมีศีล ทิ้งศีลหมดราคา

๕๑.หลงไม่รู้ดับ อันตราย..

๕๒.เมื่อภาวนาหรือระลึกบ่อยๆซึ่งความตาย ความดับ อนันต์ อสงไขย ไม่มีเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด จิตจะเริ่มตื่นเริ่มหายเมาหายหลงจะแจ้งขึ้นเรื่อยๆจนหลุดไม่ติดโลก หลงโลก(ลาภยศสรรเสริญสุข ยินดีพอใจมั่นหมายอยาก)

๕๓.ฟังก์ชันกาลเวลาจะพาเราไปพบสัจแห่งชีวิต ความจริงจะถูกเปิดว่า กรรมมีจริง บุญบาปมีจริง นรกสวรรค์ไม่ใช่สถานที่แต่มันคือจิตที่ถูกกระทบทุกขณะๆๆ ที่ไหลเลื่อนท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่....

๕๔.กาลเวลาจะบดขยี้ร่างเราให้แหลกเหลวเป็นดินธุลีดิน โลกนี้ไม่มีเราแผ่นดินนี้ก็คือเรา วันนี้ยังมีเรา พุทโธ โอ้โห ธัมโม โอ้โห สังโฆ โอ้โห...

๕๕.ไม่ ปล่อยจิต พึ่งหาที่อยู่ให้จิตหรือให้จิตเกาะเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การงาน,ลมหายใจ,เพ่งสิ่งใดๆ,ท่อง(บริกรรม,สวดมนต์),ระลึกตรงๆกับสิ่งที่ สัมผัส,ระลึกหรือพิจารณาโดยรู้สึกตัวหรือรู้ตัวรู้ใจขณะคิดนึกนั้น จิตดวงนี้กำลังรอคอยที่จะขึ้นมา.....ฟุ้งซ่านทุกข์ คิดนานก็ทุกข์ คับแค้นก็ทุกข์ สงสัยก็ทุกข์ อยากก็ทุกข์หรือไม่อยากก็ทุกข์...คนไม่เห็นทุกข์ เจ็บตายแน่ๆ

๕๖.เราไม่พึ่งคิดว่าเราอยู่บนโลกนานเพราะความจริงเราอยู่ได้ไม่นาน ทุกขัง...หากกินแทนที่จะได้ กลับไม่ได้ ไม่น่าเชื่อแต่จริง...เช่น รวยเมื่อแก่ ผ่อนบ้านเสร็จก็มาตาย พอสบายสังขารก็เสื่อม...

๕๗.ความรู้ทางโลกพัฒนาไม่สิ้นสุดเพียงบำบัดทุกข์แต่ทุกข์ใจไม่ดับ แต่กลับเพิ่มทุกข์อีกเพราะสิ่งที่ได้มาไม่เที่ยง เสื่อมชำรุดป่วยจิตผูกถ้ารู้กิเลสสังเกตพิจารณาหาอุบายวิธีก็เห็นจิต ดับทุกข์ใจน้อยใหญ่ได้ตามอินทรีย์เมื่อเอาโลกมาเป็นความสุขย่อมไม่เห็นแจ้งธรรมเพราะยินดีพอใจติดจมผูกข้องพร้อมดับลงไปกับสิ่งนั้น กิเลสทำให้ทุกข์ต้องใช้ปัญญาชำระเห็นโทษเวรภัยแตกดับ ที่สำคัญต้องฝึกสติมีศีลเป็นพื้น

๕๘.แม้เรามีพี่น้องเครือญาติบริวารเพื่อนฝูงคนที่รักที่ชอบมากมายก็ตามแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครไปกับเรา จิตดวงนี้ยังท่องเที่ยวเพียงผู้เดียวในสังสารวัฎฎ์ที่ยาวไกล ภพนี้ชาตินี้อาจเดินได้เพียงก้าวเดียวเมื่อเทียบกับสังสารวัฎฎ์หรือเส้นทางอนันต์ เพียงก้าวเดียวได้พบธรรมฟังธรรมย่อมได้แสงสว่างเป็นแสงธรรมส่องชีวิตให้แก่ดวงจิตนี้ ถ้าตายแล้วสูญพระพุทธเจ้าไม่ต้องมีก็ได้....มรรค ๘  .....เวลาชีวิตชั่งเหลือน้อยลงๆๆๆ

๕๙.เชื่อธรรม(ละชั่ว ทำดี จิตบริสุทธิ์) ฟังประเทศ(ปฎิบัติตามกติกา) เคารพอาวุโส(รู้จักเล็กใหญ่อ่อนน้อม) บูชาอริยะ(บุรุษสี่คู่) คารวะผู้ใหญ่ สังคมก็งาม สงบ เย็นเบา ไม่หลอกลวงกัน ไม่เบียดเบียนกัน

๖๐.จิตใจไม่ได้พึ่งวัตถุแต่พึ่งคุณธรรมหรือบุญกุศล เมื่อใจพึ่งวัตถุ ใจก็ไร้ที่พึ่งเหมือนปลาขาดน้ำ คนขาดธรรมจิตวิญญาณจะอยู่ได้อย่างไร เช่น เศรษฐีมีเงินเป็นล้านๆ หรือมีอำนาจเหตุไฉนจึงทุกข์หรือดับทุกข์ไม่ได้ คนทำบุญช่วยเหลือผู้อื่นใจปีติ คิดเมตตาทำไมใจเย็น เบา สงบ คิดโกรธ พยาบาท อิจฉาทำไมใจจึงร้อน....ไม่มีธรรมไม่มีที่พึ่งจิตมืดบอด ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน

          โดย  พ.ต.ท.สุรเดช  ผะอบทิพย์


              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม