วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561

สมาธิเคลื่อนที่กับหัวข้อธรรม ๑๗




๑.วิธีดับเมาดับหลง ต้องมีสติระลึกไม่ใช่ของเราๆ ไม่ใช่ตัวตน เกิดดับๆ ไม่เที่ยง อนันต์ พังผืด อสุภะ ศพๆ ไอติม ไอติม ไอติม

๒.อำนาจลาภยศเป็นสิ่งคุ้มกันภายนอก แต่สิ่งคุ้มกันภายในจิตต้องมี(บุญ) ไม่มีไม่ได้เพราะเรากำลังเดินทางอยู่(ท่องไปตามภพน้อยใหญ่)

๓.เราไม่มีทรัพย์สมบัติ อำนาจ ชื่อเสียง ยศ เกียรติ ก็ไม่เป็นไรเพราะสิ่งเหล่านั้นโลกเขายกย่องสืบต่อกันมานานแล้วเขาทำให้แก่ร่างกายเป็นของชั่วคราวเป็นของร้อน ไม่ใช่ของวิเศษเพราะสิ่งนั้นยังมีกิเลสมีความเศร้าหมองอยู่ แต่ขอให้เราไม่เสื่อมจากกุศลจากบุญเพราะทำให้กับใจเป็นความสงบความเย็นสะอาดแล้วหลังความตายเราจะเป็นผู้โชคดี

๔.เกิดมาขาดแคลนก็ใช้กรรมไปก่อน เมื่อสมบูรณ์ขึ้นก็ต้องสร้างบารมี ถ้ามีปัญญา บุญก็ไม่ต้องไม่ยึดมั่น ทำดีเพื่อความดี ไม่ใช่เพื่อตนหรือบุญ

๕.เมื่อเราไม่รู้ว่าตายแล้วเราจะไปไหน แสดงว่าเราไม่ได้รับผิดชอบอนาคตทางจิตวิญญาณว่ากุศลหรืออกุศลที่จะนำส่งหรือนำพาทั้งขาดความอาจหาญต่อยมบาลและทางที่จะออก

๖.เรามาใช้กาลเวลาเพียงแวบหนึ่งเมื่อเทียบอายุโลกหรือเวลาอนันต์โดยไม่สามารถเป็นเจ้าของควบคุมบังคับบัญชาตัวเราและสิ่งนอกตัวเราได้เพราะสิ่งทั้งหลายกำลังแปรสลายดำเนินไปสู่ความแตกดับเราหลงกับสิ่งที่เอาไปไม่ได้จนหมดเวลาชีวิตที่ยังสู่มรรคผล

๗.กินโสมกินยาวัฒนะ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ ตรวจโรคประจำปี มีหมอประจำตัวก็ยื้อได้ไม่นาน ต่ออายุได้ก็แค่ ๕ ปี ๑๐ ปี ๑๕ ปี เพราะไตรลักษณ์บดขยี้ทุกสิ่งให้แหลก

๘.ติดกายหลงกายก็ติดอยู่กับทุกข์

๙.รู้ธรรมเห็นธรรมเราก็ไม่ต้องไปหากินอะไรมาก อย่างน้อยก็รู้ว่าต้องไปตายจิตก็ไม่หลงเป็นมิจฉาเป็นผู้สร้างโลกหรือทำยังไงให้โลกเป็นของเรา

๑๐.เห็นแจ้งในจิตเห็นชีวิตในธรรมก็เข้าถึงชีวิต ใจก็ก็เบาอิสระ ไม่เห็นจิต ไม่เห็นชีวิตก็ติดข้อง เดินไปก็ร้องไห้ไปดีใจไป

๑๑.อายุเราเหลือเท่าไร บุญเรามีเท่าไร ที่ได้มาจะเอายังไง และอนาคตจะเป็นยังไง ไปทุคติหรือสุคติ หยุดไม่เป็นเป็นไม่ได้ เราใช้ชีวิตสมมุติมากไปจนหลงโลก

๑๒.ในแต่ละวันๆ ใจขุ่นหรือใส ชุ่มชื่นหรือแห้งเหี่ยว วุ่นวายหรือสงบ ยึดหรือวาง กระทบอะไรมาบ้าง แล้วชำระดับลงได้หรือไม่

๑๓.จิตที่อยู่เหนือวัตถุสิ่งของ สิ่งสมมุติหรือกิเลส หรือจิตที่แจ้งโลก มีอิสระ ไม่ผูกไม่หลง เมื่อหลงตัวตน ก็หลงชีวิตหรือภพที่เกิดมาก็เป็นผู้ยึดโลก

๑๔.ที่เราแสวงหาความสุขก็เพราะเราติดสมมุติไปหาความสุขนอกจิตที่ไม่อิสระ เมื่อสุขไม่เอา ทุกข์ก็ไม่เอาเราก็เลิกเกิด

๑๕.รู้ธรรมเห็นธรรมก็ปลอดภัยจากเวรกรรมจากนรก ได้ตื่นจากบาป จากความเห็นผิด ได้เห็นความจริง

๑๖.ทั้งกรรมไม่ดีในอดีต และใจที่ฟุ้งซ่านวิตกไปในอนาคต กับสิ่งที่ไม่รู้ขณะปัจจุบัน จะรบกวนใจเรา เป็นจิตที่ไม่มีอิสระ ไม่มีกำลัง ล่องลอยเหมือนปุยนุ่น ถ้าขับรถอยู่ ทำงานอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น

๑๗.หาสมบัติด้วยความเร้าร้อน หรือด้วยความดับเย็น เพื่อกายหรือจิต ถ้าหลงก็ฆ่าเวลาชีวิต มีบาปติดมาด้วยก็ขาดทุน มีทุคติ

๑๘.เรากำลังเดินเข้าหาความแก่เจ็บตาย พูดได้หรือว่าเรามีความสุข มีความสำเร็จ ทั้งคติภพที่จะไปกับหนทางที่จะออกจากวัฎฎะ

๑๙.ปัญญาฝ่ายโลกยิ่งรู้ยิ่งยึดยิ่งแสวง ปัญญาฝ่ายธรรมยิ่งรู้ยิ่งละยิ่งวาง รู้ทางก็ไม่วกวน มีสติเห็นแจ้งจิต

๒๐.ใช้ชีวิตที่หลงสมมุติก็เหนื่อย เสียดายขันธ์ ๕ ที่มีอยู่ ที่กำลังจะหมด เพราะไม่ได้กำหนดรู้

๒๑.คนที่เขาเดินสวนทางกับพระพุทธเจ้า เขาได้อะไร เขาไปไหน

๒๒.ชีวิตสำคัญที่ต้องมีบุญติดตัว มีปัญญาดับภพชาติ

๒๓.จิตที่ไม่มีกุศลมารก็แทรก ใจอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ ส่งออกอดีตอนาคต

๒๔.หลงสมมุติก็จะมีแต่ความอยาก อยากมีนี้อยากมีนั้นอยากมีโน้นมีนี้จึงเป็นหนี้

๒๕.เมื่อมีปัญญาก็ปลอดภัยจากนรก สัตว์เดรัจฉาน ภพชาติก็เหลือน้อยลง

๒๖.เมื่อเราเห็นทุกข์โทษเวรภัย หรือความจริงในสิ่งที่มีที่เป็น เราก็ละวางในสิ่งนั้นได้ เช่น รูปไม่เที่ยงเป็นภาระไม่อิสระ

๒๗.แม้ยังมิได้ทำบาป เพียงเราอยากหรือคิดไม่ดีเราก็ได้เบียดเบียนใจของเราแล้ว

๒๘.เมื่อเราติดในโลกที่เกิด เราก็ติดในความเป็นมนุษย์

๒๙.เขาไม่ได้รู้เห็นสัมผัสลักษณะในสิ่งที่ปรากฏในขณะปัจจุบัน หรือลมหายใจ ก็เพราะเขาไม่ได้กำหนดรู้ เขาก็ไหลไปตามกระแสโลก

๓๐.ชีวิตมนุษย์ต้องมีกระทบบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่อดทน อดกลั่น ทดอด อด ทน ปัญหาก็จะเกิด ขันติเป็นพื้นธรรม

๓๑.ผิดระเบียบเราก็เรียกมาเตือนมาสอนได้ แต่ผิดศีลบาปได้เกิดแล้ว อบายภูมิก็รออยู่ สัญญาก็ปรากฏ

๓๒.หาที่อาศัยทรัพย์เอกลาภจนลืมที่พึ่งที่แท้จริง ชีวิตจิตก็เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือก็สับสนวุ่นวายวกวน

๓๓.เมื่อไม่มีความพอใจในสิ่งใดแล้ว ภพก็หมด แจ้งโลกก็สละโลก เบาอิสระ

๓๔.เสียดายได้แต่พบวัดวาอาราม แต่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา ไม่เห็นจิต ไม่เห็นธรรม ไม่รู้ชีวิต มืดมาก็มีดไป

๓๕.เราอยู่ไหนก็ไม่รู้ เรามาจากไหนก็ไม่รู้ เราจะไปที่ไหนก็ไม่รู้ เราหาพิกัดวัฎฎะไม่ได้ เราก็หลง

๓๖.มองเขาด้วยกิเลส เราก็จะเกลียดเขา เพราะเราขาดสติไม่ได้เพ่งพินิจเหตุปัจจัยความจริงที่เกิดจากเหตุ เช่น ภูมิ สติปัญญา สิ่งเกื้อกูลอิงอาศัย

๓๗.ระวัง ไตรลักษณ์กำลังบดขยี้เรา ทั้งสิ่งนอกตัวเรา เตรียมแผนซ่อมบำรุง เช่น กายที่พึ่งยา ตาที่ไม่สู้แสงที่ฝ้าฟาง ฟันที่ผุ รถสิ่งของที่ต้องซ่อมชำรุด เก่า ซีด

๓๘.มนุษย์อายุไม่ยืน เก่งยังไงเดี๋ยวก็หาหมอ อยู่ด้วยหยุกยา มีทุกข์ทางใจอยู่ตลอดเวลา

๓๙.เมื่อเห็นชีวิตคือเมฆหมอก เราก็ไม่หลงกับสิ่งที่เกิดปรากฏดับ

๔๐.เมื่อดูปัจจุบันชีวิตที่เป็นอยู่ แล้วก็มองไปข้างหน้าก็จะเห็นวันเวลา พละสังขารและความดับรอเราอยู่ อะไรที่มั่นหมายยึดติดก็ถอนออก

๔๑.กว่าจะมารู้ความจริง มารู้ทุกข์ เห็นชอบ เห็นตรงได้เวลาก็มาหมด แก้ไขอะไรก็ไม่ได้แบบนี้เราก็เกิดมาใช้กรรม

๔๒.เราจะเดินออกจากโลก หรือเดินเข้าหาโลกอยู่ที่ระดับการเห็นความจริง หรือเข้าใจความจริงเพียงใด แจ้งโลกก็ยุติ

๔๓.คนที่เขากอดเรา รักเราเขาก็อยู่ไม่กี่วัน คนที่เขาเกลียดเราชังเราเขาก็อยู่ไม่กี่วัน และตัวเราเองก็อยู่ไม่กี่วัน ต่างไม่เที่ยง แตกดับกันหมด

๔๔.ย่ำเกรงอาหารบิณฑบาต เงินภาษี ข้าวปลานาน้ำ สิ่งบำบัดเป็นจิตที่ตั้งดี สติและธรรมก็เกิดเป็นปัญญา

๔๕.ขณะใดที่จิตทุกข์ แสดงว่าเราหลง ไม่ได้กำหนดรู้ ไม่ได้รู้ความจริงในสิ่งที่เกิดปรากฏดับ

๔๖.เป้าหมายชีวิตคือการดับภพชาติ เป็นอยู่เย็น สงบ ไม่เร้าร้อน

๔๗.หลง หมายถึง ไม่รู้ พอใจ ข้อง ติดผูก งมงาย จม บ้า หรือเมาอยู่กับสิ่งใดๆ เห็นว่า โลกเที่ยง มีตัวตน ของตน มืด บอด ไม่เห็น ไม่รู้เกิดไม่รู้ดับ ดับ

๔๘.อำนาจโต ยศโต ชื่อโต....แต่เวลาชีวิตมีอยู่แค่นี้ เรากำลังเดินทางอยู่ ไม่ใช่มาหยุดอยู่ที่โลกใบนี้ (เรากำลังเข้าใจผิด)

๔๙.ความพอใจ ความไม่พอใจ นำเราจมอยู่กับสมมุติ กับภพ เกิดมาเพื่อตาย

๕๐.เมื่อทำกรรมไม่ดีแม้จะเล็กๆน้อยๆ ยังมิให้ผลมิได้รับโทษ แต่ยังถึงประโยชน์ ถ้ทำบ่อยๆ ก็พอใจจนเป็นนิสัย นี้เป็นอกุศลกรรม สั่งสมก็นำทุคติ

๕๑.ชีวิตหลังเกษียณใกล้อัสดง ก็ต้องเตรียมดับ รักษาร่าง หยุดอยาก หาวิธีจากสิ่งผูก อย่าไปสร้างเหตุภาระ สิ่งผูกที่ยังผลต่อวันข้างหน้า จิตก็สงบอิสระมีสุคโต

๕๒.เมื่อประมาทในเหตุหรือทำบาปมาแล้วเราจะคิดบวกไม่ได้ เพราะปัญหาหรือผลที่เกิดแต่ยังมีอยู่ หรือยังไม่ได้แก้ไข

๕๓.บาปเป็นของร้อน เป็นตราประทับอยู่ภายในจิต เมื่อชราหรืออยู่คนเดียวก็นั่งเศร้า หวนถึงกรรมในอดีตแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้

๕๔.คนที่เขาชอบไปเที่ยวข้างนอกก็เพราะเขาขาดความสุข เขาไม่ได้พอใจกับถิ่นที่อยู่สิ่งรอบตัว ใจเขาก็ไม่สงบ ไม่ได้พบสุขที่แท้จริง เขาวิ่งหาความสุขจากข้างนอก ไม่อิสระเป็นสุขนอกจิต ตังก็น้อยลงหรือหมด ภัยก็เกิดได้

๕๕.เราอยู่กับชีวิตที่เป็นทุกข์ มานั่งมายืนมาเดินมานอน มาดื่มอาบขับถ่าย ใจที่มานึกคิดส่งออกทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่วันหนึ่งๆไม่รู้กี่เรื่อง จะหยุดจะดับมันก็ไม่ได้มนุษย์คู่กับทุกข์มีทุกข์อยู่โดยสภาพเราอย่าไปเกลียดโกรธเอาเปรียบเบียดเบียนเขาเขาก็ทุกข์อยู่แล้ว

๕๖.ไม่รู้ธรรมเราก็ตกเป็นทาสชีวิต ทาสอารมณ์จิต ละโลภละชีวิตก็ไม่ได้ อยู่ใต้โลก

๕๗.ปฏิบัติธรรมที่ไหน ที่กายที่วาจาที่ใจ รู้ใจที่คิดรู้จิตที่ส่งออก กุศลหรืออกุศลเป็นบุญหรือบาป ชำระได้ไหม ต้องมีปัญญา และสติตัดกระแสความคิด

                                  โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์

                                           ๕ มี.ค.๖๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม