วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๕

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๕
 
๑.เรา ไม่พึ่งให้ความแก่ ความเจ็บ ความตายมาแยกเราออกจากวัตถุโดยที่เราไม่สมัครใจหรือถูกบังคับใจเมื่อนั้นจิต จะเศร้าหมองซึ่งมีผลต่อมรณาสันนวิถีขณะแตกดับได้(หาอุบายวิธีจากทรัพย์จาก โลกหรือเครื่องผูกมัดสัตว์ จมอยู่กับภพ)

๒.รถมีเบรก จิตจะหยุดได้ต้องมีอุบายหรือฝึกสติ หยุดไม่ได้..ตาย...คิดนานเครื่องพัง...จิตเป็นกุศล...สบายๆ ถึงคิดนึกก็สบายๆ...

๓.ร้อยปีที่แล้วไม่มีเราอีกร้อยปีเราก็ไม่มี เราถูกอุปโลกป์ขึ้นมาแล้วก็ดับไปไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไหลเลื่อนแปรเปลี่ยนเป็นอนันต์ไม่พึ่งมั่นหมายสมมุติทั้งชื่อและรูปร่าง โลกแตกดับมาแล้วหลายใบ

๔.เมื่อรับกระทบสาวสวยจิตปรุงแต่งพอใจ กำหนัดรีบกำหนด(รู้)หรือระลึกหรือท่อง ผมขนเล็บฟันหนัง พังผีดๆ ตกขาวๆๆ หรือน้องสาวๆๆ หรือแม่ๆๆ หรือมองเพ่งผ่านทะลุชั้นแป้งชั้นผิวหนังเห็นอวัยวะภายในกาย(อสุภะ)เพื่อคลายหรือดับหรือพิจารณาเห็นโทษภัย

๕.วันเวลาจะพาเราไปพบสัจจะชีวิต ผลรวมของการได้เท่ากับสูญ

๖.ก่อนได้มาก็ทุกข์ ได้มาแล้วก็ทุกข์ (มีสิ่งใดก็รักษามีต้นทุนซ่อนเจ็บ)

๗.อุบายแก้อยาก คือ ต้องพิจารณาเห็นโทษภัย ภาระ ความแปรเปลี่ยน อายุไข ความดับแห่งสิ่งที่อยากนั้น และกำลังเรากับเวลาชีวิตที่เหลือทั้งประโยชน์ที่ได้รับ เมื่อได้มาแรกๆจะมันๆๆ ไม่เห็นโทษภัย เวลาผ่านไปเรื่อยๆจะเจ็บจนทนไม่ไหวจึงทำให้ไม่ยึดเริ่มละเริ่มวางและจะว่าง วัตถุทำร้ายจิตวิญญาณ

๘.ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบทำให้ลด หยุด หรือระงับภูมิภพที่จะท่องเป็นคำสอนสากลเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์ คำสอนมี ๒ ระดับ ระดับละชั่วทำดีเหมาะกับชาวบ้านและชนทั่วไป และระดับชำระกิเลสหรือจิตบริสุทธิ์เหมาะกับผู้มีการศึกษา ปราชญ์ บัณฑิต พระ สำคัญต้องฝึกสติ...เพื่อเห็นจิต ฝึกสมาธิก็เพื่อให้ได้สติ

๙.ตอน ดีๆ อายุน้อยๆ ร่างกายแข็งแรงและมีโอกาสรวมตลอดถึงยังไม่เจ็บหรือใกล้จะจบมักฟังธรรมไม่รู้ หรือเข้าใจทำให้สายไปเสียแล้ว.....น่าเสียดายที่สุดเพราะย้อนเวลาลงอดีตเป็น อนันต์ไม่ได้มีแต่เดินไปหน้าหรือไหลเลื่อนเป็นอนันต์จะเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ แสนยากและได้พบพุทธเจ้าหรือคำสอนก็ชั่งแสนยากอีก แต่วันนี้เราพบแล้ว.......

๑๐.ใจมีคุณธรรมจะเบา โปร่ง เย็น ใจไร้คุณธรรมจะหนัก ร้อน เร้าร้อนดิ้นรนกระวนกระวาย พล่านไปหาเจ็บ...ดังไส้เดือนถูกหมดกิน

๑๑.มีสิ่งใดก็ทุกข์กับสิ่งนั้น จิตไม่อิสระ(ผูก)แต่เวลาชีวิตกำลังใกล้จะหมด

๑๒.ฝึกสติรู้ทันจิต เกิดฟุ้งซ่านหางานทำให้จิตเกาะ ทำหรือดูในสิ่งชอบ บอกตัวเองอยู่กับปัจจุบัน ถามใจตัวเองต้องการอะไร ใช้ปัญญาพิจารณาเหตุปัจจัย หรืออาบน้ำลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถ(เป้ารักษาจิต คนทำงานตลอดจิตจะสงบ ถ้าอยากฟุ้งซ่านทันที)

๑๓.ติดบัญญัติไม่เห็นวิมุติ แจ้งวิมุติหลุดบัญญัติ เราอยู่ ณ จุดๆหนึ่งบนเส้นทางอสงไขยหรือเวลาอนันต์ เกิดดับสืบต่อกันไปตามเหตุตามปัจจัยไหลเลื่อน ไม่สามารถย้อนเวลา มีแต่ไปหน้า ไม่หลง ไม่เมาภูมิภพดี

๑๔.อนิจจังคือ ไม่เที่ยง แปร เปลี่ยน เจ็บ แก่ชราแน่ๆ ทุกขังคือ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ แตกดับ ตายแน่ๆ อนัตตาคือ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไหลเลื่อนไปตามกาลเวลาอนันต์ สูญโญ ผลรวมของการได้เท่ากับสูญ ทำมาเหนื่อยเปล่า กรรม....ถูกหลอก อาณาจักรน้อยใหญ่เหมือนกลุ่มแมงเมาเล่นไฟแล้วก็แตกสลายดับไป หายไป สิ้นไป หมดไป....

๑๕.จิตที่ปรุงแต่งใจที่นึกคิดไม่หยุด เหนื่อย ทำกรรมดีใจสบาย ผลก็ดี ไม่ได้อะไรไป ชีวิตเหนื่อยกับความคิด จิตวิญญาณเจ๊ง

๑๖.เข้าใจชีวิตจะรักทุกชีวิต เพราะชีวิตคือทุกข์ ร่างนี้อยู่ไม่นาน

๑๗.เราไม่พึ่งให้ชะตากรรม วันเวลา ฤดู เหตุการณ์ ความเจ็บ ความเสียหายหรือความสูญเสียหรือความทุกข์มาสั่งสอนหรือบอกหรืออบรมเรา...เจ็บแล้วต้องจำ ถ้าไม่จำชำจนตาย

๑๘.เมื่อสุขมากจะไม่อยากไม่จากโลก อายุมากต้องเตรียม อายุน้อยต้องเหนื่อย มนุษย์คู่กับทุกข์ สุขหลอกมาทุกข์

๑๙.ไหลเลื่อนไปตามเวลาอนันต์ แตกดับกันหมด สูญโญ

๒๐.ใจที่ปรุงแต่งนึกคิดตลอดเวลา หยุดไม่ได้ อันตราย...คิดดีใจเบา คิดร้ายใจร้อน

๒๑.มีทรัพย์แต่ไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่ได้เหมือนทรัพย์นั้นถูกอายัด กรรม....มีแต่ตระหนี่,มีแต่เป็นโรค,มีแต่ไม่มีเวลา,มีแต่เวลาชีวิตจะหมด,มีแต่บริวารใช้หรือถ้าใช้ผู้อื่นจะรู้

๒๒.คน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ เมือง อาณาจักรน้อยใหญ่หรือวัตถุธาตุใดๆ กำลังถูกไตรลักษณ์บดขยี้ให้หายไปจากโลก การได้ทั้งหมดคือสูญ

๒๓.เราถูกอุปโลกน์ขึ้นมาแล้วมาอาศัยโลกอยู่ไม่ได้เป็นเจ้าของโลกและไม่ได้เป็นเจ้าของร่างกายเพราะเราบังคับบัญชากาย ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตายไม่ได้ ไหลเลื่อนไปสู่ความแตกดับอีกไม่นานเราต่างไม่เห็นโลกใบนี้ชั่วนิรันดร เราอยู่กันคนละแวบ แวบ เมื่อเปรียบกับเวลาอนันัต์หรือสี่อสงไขยแสนกัป เมื่อภาวนาจะเริ่มตื่นแจ้งจิตจะผูกกับโลกน้อยลงๆ

๒๔.วัตถุธาตุใดๆต่างมีคุณสมบัติเฉพาะจะแสดงออกมาตามนั้น เช่น เกลือเค็ม น้ำตาลหวาน มนุษย์สัตว์ก็ต่างอุปนิสัยและความคิด เมื่อถูกกระทบยอมรับตามจริงหรือระลึกว่า เช่นนั้นเอง,ธรรมดา,เพื่อดับหรือข่มการนึกคิดปรุงแต่งจิต ถ้าดุเลี่ยงหรือรู้วิธี ถ้าดีเข้าหา ถ้าร้ายหนีได้หนีเมื่อติดต่อก็ต้องใช้ปัญญา พึ่งคบบัณฑิต

๒๕.อายุมากอยู่นานลำบาก ซ่อมร่างที่กำลังพังกินก็จำกัดและไม่เข้าหายใจจะเหนื่อยจิตซัดส่ายเร้าร้อน สัญญากรรมปรากฏหากทำกรรมไม่ดีไว้ สรุปอยู่นานไม่มันไม่สุข

๒๖.ไม่พึ่งติดใจโลกเพราะอยู่ไม่นาน รูปังอนัตตา(รูปไม่ใช่ตัวตนเพียงมีตัวขณะหนึ่งๆแล้วก็ดับ)

๒๗.เมื่อ หงุดหงิดคับแค้นใจ เคือง โกรธ(เสียพลังจิต) กำหนดรู้ว่าแต่ละคนมีความคิดความเห็นสติปัญญาเหตุปัจจัยความเป็นมาหรือ อุปนิสัยแตกต่างกันพฤติกรรมจึงแสดงออกเช่นนั้น ต้องอดทนให้สติปัญญาแต่ละคนพัฒนาไปหรือระลึกภาวนาว่า เช่นนั้นเองเพราะสติปัญญา,บัวๆ (บัวสี่เหล่า),ธรรมดา,โกรธเขาเราร้อน,เมตตา,ปล่อยไปหรืออุบายวิธีใดๆหรือ พิจารณาหาเหตุปัจจัยเพื่อหยุดกระแสความคิดหรือการปรุงแต่งของจิต(เป้าเพื่อ รักษาจิต)

๒๘.มองโลกเป็นโลกหากินยาวไม่จบต้องมองโลกเป็นไอติมเพราะรูปังอนิจจัง รูปังอนัตตา ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน เกิดดับมาหลายใบตามนัยเหตุปัจจะโย ยึดสิ่งใดสิ่งนั้นก็พัง เหนื่อยกับการรักษาติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ

๒๙.ระหว่างผู้มีกิเลสมากน้อยจะเชื่อผู้ใดมากกว่ากันทั้งผู้นั้นกล่าวเพื่อการใด พึ่งเพ่งพิจารณามนุษย์ผู้มีกิเลสน้อยใหญ่แล้วจะได้ไม่เกิดภัยแก่เรา เลี่ยงได้เลี่ยง หนีได้หนี คิดว่าเป็นกรรมของวัฏฏะ

๓๐.ทุนนิยมกำลังฆ่าและสังหารหมู่มนุษย์และธรรมชาติ สนองให้ซะใจ เช่น จีนไม่เคยลิ้มวัตถุนิยมมลพิษจม เตรียมรับหายนะ....ทำร้ายจิตวิญญาณ(หนี้คือทุกข์)แล้วยังเอาร่างอีกแตกดับเร็วขึ้น กรรมมนุษย์โลก โลกแตกเพราะกิเลส

๓๑.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้การใดไม่เสร็จ รีบ การใดยังไม่ทำ ทำ การใดก่อผล เว้น.....

๓๒.เมื่อภาวนาหรือระลึกว่า ได้แค่โลง โกงทำไม จิตยั้ง จิตหยุด จิตละหรือผงะ

๓๓.ธรรมเป็นที่พึ่งแห่งจิตวิญญาณ ที่สุดทุกคนต้องมาช้าเร็ว

๓๔.สติต้องฝึกเพื่อเห็นจิต ทำสมาธิก็เพื่อเกิดสติ จนรู้เท่าทันจิตแล้วก็เพ่งพินิจพิจารณาบ่มมันไปเรื่อยๆหรือหาอุบายหรือธรรมาวุธน้อยใหญ่ดับทุกข์ที่กระทบจนแจ้งทุกข์ ทุกข์แต่ไม่ทุกข์มันดับเย็นได้นั้นเอง ที่สำคัญต้องมีศีล

๓๕.แจ้งโลกแล้วไม่เมา(หลง)พึ่งระวังผู้ที่เมาโลกจัดหรือมากหรือเกินไปเลี่ยงได้เลี่ยง หนีได้หนี ถ้าข้องต้องมีสติมั่นทั้งปัญญาเห็นโทษภัย

๓๖.ทำกรรมเช่นใดใจก็ปรุงแต่งเช่นนั้น ทำกรรมดีจิตเป็นกุศลใจเบา เย็น(สุข) ทำกรรมไม่ดีจิตเป็นอกุศล ใจหนัก ร้อน(ทุกข์)

๓๗.เพราะเห็นโทษเวรภัยหายนะจึงละ จึงวาง จึงว่าง.....จิตผูกับวัตถุสงบไม่ได้

๓๘.อยากแก้ยาก แม้เหนื่อยเจ็บบ่อยครั้ง...ต้องฝึกและมีธรรม

๓๙.ไม่มีอำนาจใดที่จะทำลายล้างบาปได้ เว้นแต่ศีลสมาธิปัญญา(ชำระกิเลส)

๔๐.ระหว่างบัญญัติ(สิ่งหรือกติกาที่มนุษย์กำหนดในยุคสมัยหนึ่ง)กับธรรม(คุณากร,ประโยชน์,บุญ,กุสลาธัมมา.........)ต่างกันต้องเลือกธรรม เราจะไม่เมาบัญญัติหลงคัมภีร์เชื่อพระเวท ติดสมมุติไปสู่วิมุติ

๔๑.เราถูกโลกสร้างขึ้นเมื่ออยู่นานเข้าใจว่าร่างเป็นของเราและโลกเป็นของเรา ทุกๆอย่างไม่ใช่ของเรา มีเวลา มีกำหนด มีอายุไข มีชะตา มีกรรม มีวิบาก มีเหตุปัจจัย เราไม่รู้เวลาที่จะไป......รู้แต่ว่าเหลือน้อยลงๆๆ

๔๒.เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตให้มากที่สุด แล้วก็วางมันทุกๆอย่างเมื่อถึงกำหนดเวลา ผลรวมของการได้เท่ากับสูญ อายุมากหาเบาๆ อายุน้อยๆหาไปเลยลูก

๔๓.แจ้งโลก ไม่โลภ หากินแล้วก็ตาย อยู่ก็ประชัน กรรม....

๔๔.การแก้วิตกกังวล คือ อย่าให้งานค้าง(จิตไม่โปร่ง)ทำให้สุดทาง ไม่มาให้ทวงถาม ซ่อมรบฝึกฝน ให้เคยชินกับเครื่องมือ ไม่รู้ถาม ศึกษาเพิ่ม วางแผนให้ชำนาญ พยากรณ์เห็นได้ ไม่นัดหมายผู้ใด คำนวณการให้ดี ไม่สร้างเหตุอกุศล ก่อเวรใดๆ มิฉะนั้นจิตจะเศร้าหมอง(เป้าเพื่อรักษาจิต และป้องกันจิต) อนึ่ง อายุมากไม่พึ่งผูกโลกมากจะมีกังวล

๔๕.เราเป็นชิ้นส่วนเล็กๆหรืออนุภาคของโลกที่ถูกอุปโลกห์ขึ้นมาแล้วก็ดับสิ้นไป ไม่พึ่งมั่นหมาย  ติด ข้อง ผูก........เป็นเพียงธรรม แวบๆๆๆ

๔๕.ยิ่งแสวงหามากเท่าใด เวลาชีวิตที่เหลือก็น้อยลงทุกที เรียกคืนก็ไม่ได้ เปลี่ยนมันใหม่ก็ไม่ได้ เราได้วัตถุแต่สูญเสียชีวิตและจิตวิญญาณ กว่าจะได้แทบตาย

๔๖.ชีวิตเป็นของเหลือน้อยไม่ได้ตั้งอยู่นาน รูปังอนิจจัง

๔๗.ถ้ามีหรือผูกเรื่องไว้มาก จิตก็ทำงานมาก เหนื่อย เครียส หดหู่ เศร้า พึ่งรักษาจิตด้วยธรรม

๔๘.ถ้าทำกรรมไม่ดีหรือไม่ประคองจิตมาทางกุศล จิตสงบไม่ได้ ให้คิดบวกก็เพียงข่มไว้ทับไว้ปัญหายังไม่ถูกแก้ใจก็ยังป่วนอยู่(จิตปรุง)

๔๙.เมื่อกระทบหรือเห็นแจ้งโทษภัย(เสื่อม ชำรุด พัง เจ๊ง)สักครั้ง สองครั้งหรือบ่อยๆจะทำให้ไม่ยึดมั่นกับสิ่งนั้น
 
          ๕๐.ภาย ใต้สังสารวัฏฏ์ที่ยาวไกลจนนับไม่ได้หรือเส้นทางอนันต์ ทรัพย์สมบัติบริวารเป็นเพียงบ่อน้ำที่เราได้เสพอิ่มมันแวบหนึ่งแล้วจำต้อง เดินต่อออกจากโลกใบนี้อย่างไม่หวนคืนกลับกับเวลาที่เหลือชั่งมีน้อย(๕ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี) หากอยู่นานกว่านี้จะเหนื่อยกับร่าง เราไม่พึ่งมั่นหมายเพียงหากินหาใช้ถ้าเก็บจะไม่ได้ใช้ มีเงินแต่กินไม่ได้ หมอห้ามไว้........หูตาไม่ดีไม่เห็น ใจก็ไม่ดี หากสัญญากรรมที่ทำไว้ไม่ดีมันปรุงแต่งจิตหลอน

          ๕๑.ถ้าติดวัตถุมากไป เราจะถูกความทุกข์ฆ่าหรือทำให้เศร้า

          ๕๒.เห็นเจอก็เห็นจาก เห็นได้ก็เห็นสูญเสีย เห็นเกิดก็เห็นดับ เราต้องพลัดพรากจากทุกสิ่ง เราไม่รู้จริงๆ ว่าเขาให้เวลาชีวิตมาเท่าใด

          ๕๓.ทุกข์เกิดจากสิ่งใด พึ่งเว้นจากสิ่งนั้นเสีย เสียแล้วเสียอีกเจ็บเป็นปัญญาย่อยๆ ป้ญญาต้องสะสม บุญกุศลต้องสร้าง บาปและเวรต้องละ มารทั้งหลายมีดีว่าตามเหตุตามปัจจัย

          ๕๓.วัตถุทำให้เราจมและดับไปกับโลก เผ่าพันธุ์มนุษย์สัตว์ก็เป็นเพียงเมฆหมอกหรือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิด ดับสืบต่อกันเช่นเดียวกับการเกิดดับแห่งดวงดาวและจักรวาลน้อยใหญ่ เวลาอนันต์ ไม่พึ่งมั่นหมายเพราะมันกำลังไหลเลื่อนไปเรื่อยๆ อดีตในโลกนี้ไม่มี

          ๕๔.การก่อเหตุใดๆให้มีผลผูกพันหรือภาระต่อวันข้างหน้ามากไปอันตรายและเสี่ยงเพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งๆจะเกิดอะไรขึ้น มนุษย์สัตว์ต่างมชะตา มันเป็นห่วงๆ...จิตเจ็บเศร้าหมอง...ไม่ดี......

          ๕๕.รวยคงรวยไม่กี่วัน สุขคงสุขไม่กี่วัน มีเกียรติคงมีไม่กี่วันเพราะเราแก่แล้ว เวลาเหลือน้อยแล้ว ไปต่อไม่ได้แล้ว ลุกที่ขาสั่น ขันธุ์ ๕ หนักโดยเฉพาะใจที่ปรุงแต่งมั่นหมายฟุ่งซ่านหงุดหงิดคับแค้นวิตกหดหู่เศร้าหมองขัดเคือง เหนื่อยกับความคิด ไม่เที่ยง เช่นนั้นเอง

          ๕๖.มีมากต้องรักษา มีปัญหาเวลาไป.......มัมมี่.......

          ๕๗.เราต้องเดินต่ออีกหลายอสงไขย...พึ่งมีธรรมติดไป...

          ๕๘.มัจจุราชนาย เรา เขาเอาเราแน่ ช้าเร็วเมื่อใดเราไม่รู้ หากินน้อยๆดีกว่า

          ๕๙.เราไม่รู้ว่าเขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าใด มนุษย์สัตว์ต่างมีชะตา พื้นเพ และวาสนา

          ๖๐.เราไม่สามารถบังคับบัญชาตัวเราและสิ่งนอกตัวเรา (คน สัตว์ ต้นไม้ วัตถุธาตุใดๆ) ไม่ให้แปรเปลี่ยน ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้รถเสีย บ้านเก่า เมียแก่ไม่ได้ มีแต่ไหลไปสู่ความแตกดับทั้งนั้น แม้คนจะว่าเราดีหรือเลวก็หาได้เป็นไปตามปากไม่ ผู้ว่าชั่งไม่รู้และก็โทษผู้ว่านั้นก็ไม่ได้เพราะเขาไม่รู้แต่กลับต้องเมตตาผู้ว่านั้น และผู้ว่านั้นก็เหนื่อยจิตเองแล้วเพราะมีโกธะ เคืองหรือโกรธ...ชั่งน่าสงสารผู้ว่านั้น

          ๖๑.ถ้าเราติดวัตถุมากไป เราจะถูกความทุกข์ฆ่าหรือทำให้เศร้า

          ๖๒.ทำกรรมไม่ดี สัญญากรรมปรากฏ มันหลอน จิตปรุงแต่งนึกคิดดังองคุลีมาร...หนีกรรมไม่พ้น...

          ๖๓.เมื่อเจริญภาวนาจะมีสุคติเป็นที่หมาย เจริญกุศลไปเรื่อยๆ(กรรมขาว).....ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน แต่มีตัวหรือมีตนขณะหนึ่งๆ ไหลเลื่อนไปตามเวลาอนันต์หรืออสงไขยย้อนกลับไม่ได้ อยู่กันคนละแวบๆๆ เกิดดับเกิดดับ.........เปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆจนเข้ากระแสอริยะหรือสวิงเข้ามาต้องทุกข์ให้จัดๆ หนักๆ เต็มๆ หันเข้าหาธรรม

          ๖๔.เมื่อสุขมากจะไม่อยากตาย ฉะนั้น ไม่พึ่งยินดีในสุข หรือยินดียินร้ายในโลกทั้งสอง(สุขทุกข์)

          ๖๕.ตายกลางอากาศ หมายถึง การแตกดับที่เกิดขึ้นขณะที่จิตหลง จม ผูก ข้อง ติด เมา งมงาย บ้าอยู่กับโลกหรือสิ่งสมมุติหรือสมมุติบัญญัติที่ยินดีพอใจ(กรุงโรม สมมติทั้งชื่อและรูปร่าง เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม้ยังไม่ลู่เข้าเวลาอนันต์ก็เกลี้ยงเป็นอนัตตาแล้ว ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา) หรือติดในลาภ ยศ สรรเสริญ หรือวัตถุที่ทำให้สุขจัดหรือสุขต่อเนื่องจนตายโดยไม่เห็นแจ้งธรรมหรือไม่ เห็นชัดว่าสิ่งต่างๆตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ 

          ๖๖.ถ้าไม่ระลึกหรือภาวนาถึงความตายก็ไปเรื่อยๆ ไปยาว ไม่มีที่ท่าจะหยุด จะเบา จะจบ แต่จบ..

          ๖๗.รวยแต่แก่ รวยแต่มีโรค รวยแต่ทุกข์ใจ รวยแต่ถูกปองร้าย รวยแต่มีศัตรู รวยแต่มีเวร รวยแต่ไม่มีคนจริงใจ รวยแต่ถูกหลอก รวยแก่เป็นเหยื่อ รวยแต่....... รวยแต่...... รวยทำไม.....

          ๖๘.เราจะไม่ให้วัตถุมาทำร้ายจิตวิญญาณมาปิดหูปิดตาจนมองไม่เห็นความจริงอีกฟากหนึ่ง คิดแนวโลกเจ็บกับเจ็บ คิดแนวธรรมเจ็บกายบ้างแต่ใจไม่ทุกข์หรือทุกข์ดับเพราะดับเย็นเป็น ช้าเร็วอยู่ที่อินทรีย์อ่อนแก่

          ๖๙.ชีวิตส่วนตัวไม่กี่ปี ชีวิตส่วนร่วมถึงพันปี เอาและเป็นแต่น้อยๆ บ้านเมืองก็เรียบร้อย ทรัพยากรก็เหลือใช้

          ๗๐.เวลา โรค ภัย สังขาร กรรม และวิบากกรรมร่วมกันขับไล่เราออกจากโลกใบนี้ทุกขณะๆๆ การใดไม่เสร็จ รีบ การใดยังไม่ทำ ทำ รีบๆ

          ๗๑.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้ การใดไม่เสร็จ รีบ การใดยังไม่ทำ ทำ การใดก่อผลผูกพัน เว้น...

          ๗๒.ยึดสิ่งใด สิ่งนั้นก็สูญ ยึดตัวเรา ตัวเราก็สูญ ยึดเมือง ยึดบ้าน ยึดรถ ยึดใดๆ สิ่งนั้นๆก็สูญหมด รีบใช้เพราะจะหมดเวลาใช้ ใจผูก(ติด ข้อง)สงบไม่ลง......ไม่มีและไม่ได้เป็นตัวเป็นตนขณะหนึ่งๆ

          ๗๓.สุขทุกข์อยู่ที่เราทำกรรม ทำกรรมดีใจก็สบาย ทำกรรมไม่ดีใจก็เศร้าหมอง มนุษย์มีอินทรีย์อ่อนแก่ต่างกันจึงต้องบ่ม บ่ม บ่อไปเรื่อยๆ

          ๗๔.ทำกรรมไม่ดี คิดบวกได้ไม่นาน เพียงข่มจิตไว้เท่านั้น

          ๗๕.เราได้ใช้ไม่กี่เพลาหรือได้ลูบๆ คลำๆแล้วก็ไป...แต่กว่าจะได้มาแทบตาย

          ๗๖.อายุคือทรัพย์ อายุหมดทรัพย์ก็หมด แม้ไม่หมดใจก็ผูกอยู่ จิตไม่สงบ จบไม่ลง ทรัพย์ที่แท้จริงคือมรรคผลนิพพาน 

          ๗๗.ก่อนได้มาก็ทุกข์ ได้มาแล้วก็ทุกข์ พอจากไปก็ทุกข์ เมื่อดับรับกรรมต่อ(มีสิ่งใดก็ต้องรักษามีต้นทุนเจ็บหน่อย)

          ๗๘.หลงกายที่ไม่เที่ยง หลงไปทำไม กายนี้ดูสมบูรณ์แต่ภายในอวัยวะเริ่มเสื่อมเริ่มพังแปรปรวนตลอดเวลา เพียงแต่ไม่แสดงอาการ ที่สำคัญเตรียมไม่ทัน ไม่พึ่งสร้างเหตุในวันนี้ให้มีผลต่อวันข้างหน้า ผูกมากเจ็บมาก จิตเศร้าหมอง หาให้ตายก็ไม่ได้ไปมีแต่เจ็บกับเจ็บและตายลง แต่บาปกรรมที่ทำมาไม่ดีรับผลไปเต็มๆ ไม่คุ้ม..

          ๗๙.ร่างนี้อยู่ไม่นาน ธาตุทั้งสี่จงเจริญ

          ๘๐.เริ่มมีอายุก็เริ่มมีทรัพย์ เห็นคนแก่นั่งยิ้ม ปีติกับทรัพย์แต่แล้วก็จากทรัพย์นั้นไป สรุป หาทรัพย์แล้วมาตาย หามากทำไม เห็นเด็กผ่อนบ้าน ๓๐ ปี เหนื่อยแทบตายแล้วมาตาย ชีวิตตกคำนวณ

          ๘๑.ถ้าอายุราชการเกษียณ ๗๐ ปี บ้างออกมาปีสองปีตาย ชีวิตแบบนี้เจ๊ง..จะไม่เห็นพระสัทธรรม

          ๘๒.เราไม่ฝันไปไกลและไม่ต้องไปให้ถึงเพราะเวลาชีวิตที่ใช้จะหมดลงแล้วถึงได้มากหรือได้ดังฝันก็สุขไม่เท่าใด ถึงจะเป็นเจ้าของก็เป็นได้ไม่กี่ปี แตกว่าจะได้มาเหนื่อยไม่รู้เท่าใด เวลาหมดทรัพย์หมด

          ๘๓.เมื่อรู้ว่าความตายกำลังเข้าใกล้หรือใกล้จะถึงเครื่องที่เร่งอยู่ผ่อนลง เริ่มมีสติ เริ่มเห็น เริ่มแจ้ง(ระลึกบ่อยๆ)เริ่มหายมึน เริ่มหายงง ความโกรธ ความพยาบาท ความแค้น ความทะยาน การบินสูงเริ่มปรับระดับ เริ่มเบา เริ่มเย็น เริ่มหายเมา เริ่มหายหลง เริ่มหายอยาก เริ่มออก เริ่มละ เริ่มวาง เริ่มสงบ เริ่มว่าง....สรุปเริ่มอะไรอะไรดีดี..ขึ้นมา ความตายเป็นยาขนานเอก รักษาใจได้ทุกโรค เจ๋งจริงๆ เจ๋งมากจริงๆๆ

          ๘๔.การบอกหรือแจ้งธรรมหรือประกาศหรือชี้ให้เห็นถึงความตายเป็นการชี้หรือเปิดขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์

          ๘๕.ยุ่งกับโลกต้องเจ็บเป็นธรรมดา ยุ่งกับธรรมสบาย ตายก็สบายแต่มีปัญหาจะมาหรือเข้ามาหรือโน้มมาอย่างไร

          ๘๖.เชื่อธรรม(ละชั่ว ทำดี จิตบริสุทธิ์),ฟังประเทศ(ปฎิบัติตามกติกา ระเบียบกฎหมาย),เคารพอาวุโส(รู้เล็กใหญ่อ่อนน้อม),บูชาอริยะ(บุรุษสี่คู่),คารวะผู้ใหญ่เพื่อเมตตา รัก เอ็นดู สังคมก็งาม สงบ เย็น เบา นิ่ง ที่สำคัญต้องรักษาร่างนี้ให้ถึงที่สุด แตกแล้วแตกแล้ว ดับแล้วดับเลย หายแวบ ย้อนเวลาไม่ได้ เดินหน้า...หายหมด...ที่ได้มาทั้งหมด ทิ้งหมด หมด หมดๆ

          ๘๗.ธรรมจริงเป็นของวิเศษ เย็น เบา สงบ เช่น เมตตา ธรรมแท้ๆ ต้องละกิเลส เช่น ระลึกหรือภาวนาไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือความดับบ่อยๆ  หรือมรณะสติ อนึ่ง มีวัตถุทรัพย์สินมากจิตสงบนั้นหาใช่ไม่....ไม่เที่ยง....

          ๘๘.เราบังคับบัญชาร่างไม่ให้แก่เจ็บตายไม่ได้ บังคับบัญชาสิ่งนอกตัวเราให้เป็นไปตามใจปรารถนาก็ไม่ได้ เราอาจคุมได้ขณะหนึ่งๆเพียงนั้น สวยก็ไม่นาน รวยก็ไม่นาน เก๋งก็ไม่นาน.....ได้.....ไม่พึ่งมั่นหมาย สรรพสิ่งทั้งปวงไหลเลื่อนไปตามกาลเวลาอนันต์หรืออสงไขยแตกพังดับหมด

          ๘๙.เมื่อสำเร็จความโกรธแล้ว จิตย่อมเศร้าหมองพึ่งชำระความโกรธด้วยปัญญาเห็นทุกข์โทษภัยแจ้งเหตุปัจจัยในสิ่งที่เกิดเช่นว่านั้น หรือใช้เมตตาเป็นอุบายวิธีเห็นสัตว์ต่างกันที่ภูมิจิตภูมิธรรม หรือมีสติปัญญาหรืออุปนิสัย หรือคุณสมบัติหรือต่างดิ้นรนแสวงหามีทุกข์ ดับเย็นให้แก่จิตดวงนี้(โกรธเขาเราร้อน) เรามารวมหรือร่วมกันแวบเดียวแล้วก็จาก เมตตาได้ก็เมตตา อภัยได้ก็อภัย ไม่ฆ่า ไม่ทำร้ายก็ตายหรือไม่ก็เจ็บเอง

          ๙๐.ทุกอย่างไม่ใช่ของเรา เป็นของเราเพียงชั่วขณะที่กำลังแปร เปลี่ยน สลาย หายไปดังไอติม(ละลายไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่มีตัวขณะหนึ่งๆ) ไม่ควรยึด ได้มาเดี๋ยวก็พัง เดี๋ยวก็ซ่อม เดี๋ยวก็บำรุง เดี๋ยวก็จาก มนุษย์มีเวลาน้อย มีอะไรๆก็เจ็บต้องใช้ตังใช้เงิน  สุขมากก็ไม่อยากตาย แต่ก็ต้องตาย

          ๙๑.เราไม่รู้ว่าเขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าใด มนุษย์สัตว์ต่างมีชะตา มีพื้นเพ และวาสนา ไม่พึ่งมั่นหมาย สุดท้ายหายหมด หมด

          ๙๒.เรื่องเยอะจิตก็ทำงานเยอะ เรื่องเดียวก็เยอะ เช่นมีโรคทางกาย ใจผูกอยู่กับบุตร ภรรยาสามี งาน กิจการ ทรัพย์ที่ราคาเกินกำลัง จิตผูกกับวัตถุใจสงบไม่ได้ อย่ามีเยอะเจ็บนะ วันนี้เดือนนี้ปีนี้ไม่เจ็บ เจ็บ บางครั้งบางอย่างเจ็บหนักมาก

          ๙๓.หากินมาก หากินนาน หากินแล้วหากินอีก หากินไม่หยุด หากินสุดๆ สุดที่จะหากิน สุดท้ายฆ่าเวลาชีวิต ชีวิตหมด ทรัพย์หมด หมดไปกับการหากิน จิตผูกจมไม่เห็นพระสัทธรรม กิเลสหาได้ชำระเสร็จสิ้นเพียงวันเดียวไม่...ท่องภูมิภพต่อ...เกิดยาก อยู่มีชีวิตก็ยาก พบธรรม ฟังธรรม เห็นธรรมก็ยาก...ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน

          ๙๔.เวลาชีวิตใช้ไปสิ้นไป หมดไป หายไป เปลี่ยนมันใหม่ก็ไม่ได้ ย้อนมันใหม่ก็ไม่ได้ เวลาหมด หมด หมดทั้งหมด...สูญโญ....

          ๙๔.เวลาชีวิตที่เหลือน้อย เทียนไขที่กำลังจะดับ หรือโรคภัยที่เป็นอยู่อาจบอกความจริงแก่เราหรือพาเราไปพบสัจแห่งชีวิต...สิ่งที่ได้มาทั้งหมดกำลังจะเท่ากับสูญ เราเกิดมาเพื่อเดินออกจากโลก เมื่ออยู่นานเข้าใจว่าทุกสิ่งเที่ยง แต่ความจริงมันกำลังไหลเลื่อนไปตามกาลเวลาอนันต์ ไม่ย้อนกลับ เมื่อระลึกบ่อยๆ จะตกใจ ใจหาย 

          ๙๕.เราอายุมากแล้ว เรียนและฝึกฝน(วิชาการทางโลก)จบก็ตายลงพอดี ฝึกสติดีกว่าเพื่อเห็นจิตเห็นธรรม

          ๙๖.อยู่กับคนโลภต้องระวัง อยู่กับคนโกรธต้องไม่ขัดใจ อยู่กับคนหลงต้องระวังยิ่งยวด อยู่กับผู้มีศีลไม่ต้องระวัง อยู่กับผู้มีธรรมทำตามสบาย สรุปอยู่กับคนต้องระวังเพราะมีกิเลสมากน้อยคุมไม่ได้อันตรายทั้งตนเองและผู้อื่น

          ๙๗.ดูคนหรือวัดคนต้องดูที่ระดับทาน ศีล ภาวนา หรือศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาทางโลกใช้หากิน ถ้ามีมิจฉาหายนะอย่างเดียว คน สังคม ประเทศเจ๊ง เอาแค่มีเหตุผลเคารพกติกาก็พอหรือมีวินัย...ไม่ต้องถึงขั้นศีลก็ได้....

          ๙๘.คัดต้องดูอุปนิสัย โง่สอนได้ ดื้อปล่อยให้ตาย ท้าทายให้ฟ้าดินลงโทษ ขยัน ซื่อสัตย์ ภักดี ตะแบ๊(อ่อนน้อมมีเชื่อธรรม) แต่ถ้าหาคนเป็นใหญ่ต้องเน้นคุณธรรมและเจ็บมานาน รู้ค่อนข้างชัดหรืออาจแจ้ง หัวดี ขึ้โกง ขี้เกียจ พูดเก่ง เบียดเบียน เจ๊งกับเจ๊ง เจ๊งแน่ๆ

          ๙๙.บอกคนชราหลายคนแล้ว ว่าให้ทิ้งโลก ให้ทิ้งโลก ให้ทิ้งโลกเสีย เวลาหมดละครจบ ต้องจบ จบเองดีกว่าเพราะจิตไม่ถูกบังคับเมื่อดับสบายๆ ยิ้ม.... ถ้าเราอายุ ๙๐ ปี เราจะไปยืนหน้าโลงทุกๆวัน เพื่อ........๕๐ ปี เริ่มละ,๖๐ ปี(เริ่มวาง) เตรียม,๗๐ ปี พร้อม(เริ่มว่าง),๘๐ ปี ไป(เริ่มหลุด) ร่างนี้เป็นรังของโรค รูปังอนิจจัง รูปังอนัตตา รูปไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัวตน(เพียงมีตัวขณะหนึ่งๆแล้วก็ดับลง เปลี่ยนร่างกันไปเรื่อยๆ)

          ๑๐๐.รู้จริงไม่จำ รู้จำไม่จริง รู้ชัดต้องเจ็บ รู้แจ้งต้องภาวนา รู้แล้วไม่ติดคือวิมุติ ปัญญาต้องสะสมฝึกฝน อบรม เพ่ง พิจารณา สัญญาไม่ใช่ปัญญา ติดสัญญา ปัญญาไม่เกิดถูกหลอกไม่เห็นวิมุติ(ปัญญาวิมุติ)

          ๑๐๑.เมื่อเราเห็นความตายรออยู่ข้างหน้า ความอยาก ความหวังมันก็เบาลง ใจเราก็สงบ ไม่เร้าร้อนกระวนกระวาย หดหู่คับแค้นเศร้าหมอง ทุกข์ใจคลายดับลง

          ๑๐๒.เราถูกย้อมมานานไม่รู้กี่ภพชาติ เราถูกย้อมตั้งแต่แรกเกิดยันตาย เราตายแล้วเกิดก็ถูกย้อมวนเวียนอีก เราถูกย้อมไปเลยๆ(สังสารวัฎฎ์) แล้วเราจะเดินออกได้อย่างไร เปิดโลกแห่งมรรคา เห็นแจ้งไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เรา เขา เป็นเพียงธรรมเกิดดับสืบต่อเนื่องกันไปตามเหตุปัจจัยเป็นอสงไขย บางชุมชนถูกวิถีประเพณีย้อม บางชุมชนถูกลัทธิศาสนาย้อม บางชุมชนถูกผู้นำย่อม บางชุมชนถูกวัตถุนิยมย้อม บางชุมชนถูกสภาวะเหตุปัจจัยย้อม แต่ที่สำคัญเราถูกกิเลสย้อม....ย้อมจนไม่เห็นความจริง(ปรมัตธรรม) เมื่อติตสมมุติไปสู่วิมุติหาได้ไม่...ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน...

          ๑๐๓.ความซื่อสัตย์ ความจริงกำลังขวางโลกใบนี้...ธรรมดาๆ แห่งชีวิตดิ้นรนกันไป แสวงหากันไป แบกกันไปแล้วก็มาแตกดับลง

          ๑๐๔.ไม่อยากเหนื่อยจิตก็ต้องทำกรรมดีไม่ก่อเวร ไม่สร้างเวร ไม่จองเวร ไม่มีเวร เลี่ยงได้เลี่ยง หนีได้ก็หนี ถ้าต้องติดต่อหรือคลุกก็ให้ใช้ปัญญา สัตว์มีอุปนิสัยต่างกันทั้งสติปัญญาและภูมิจิตภูมิธรรม...มนุษย์อายุไม่ยืน

          ๑๐๕.มองคน มององค์กร มองวัตถุธาตุใดหรือชุดการกระทำใดให้มองให้ครบกระบวนการหรือครบวงจร มองตอนเดียว ฉากเดียว เซี้ยวเดียวหรือเฉพะชุดการกระทำจะวินิจฉัยเคลื่อนผิด

          ๑๐๖.ประคองหรือรักษาหรือต้านหรือหาอุบายหรือดับหรือประหารมิให้จิตไหลหรือ ปรุงแต่งไปในทางอกุศล...ดูจิตเพื่อรักษาและชำระอกุศลที่เกิด ที่สำคัญต้องฝึกสิต คิดดี ใจสบายเย็น(สุข) คิดร้าย ใจร้อน(ทุกข์)

          ๑๐๗.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้ อายุที่เหลือมีน้อย ได้เพิ่มก็สุขไม่มาก

          ๑๐๘.เมื่อหลงอยู่ในป่า เมื่อหลงอยู่ในโลก เมื่อได้สติจิตตั้งลำ(มีสมาธิมีศีล)ก็เริ่มตื่น เริ่มเห็นก็ตกใจ เอ๊ะ ๔๐ ปี ๕๐ ปี ๖๐ ปี เราไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่มาเห็น พอเราเริ่มกำหนดรู้ได้ เราได้ล่วงอะไรมาไม่น้อย เราทำบาป สร้างกรรมมาไม่ใช่น้อย บางพอรู้ตัวก็หมดเวลาเสียแล้ว...

          ๑๐๙.เราจะเดินไปที่ไหนก็ตามแต่ ที่สุดเราก็เดินเข้ากองไฟ เราจะได้สิ่งใดมาก็ตามแต่ ที่สุดเราก็จากมันไปหรือไม่มันก็จากเราไป เพียงแค่ได้ดื่มอาบเคี้ยวกินใช้สอยบำบัดน่าจะพอ การกั๊ก กัก เก็บ กอบ โกย โกง โก้ โก๋ แอนด์กิ๊ก อันตรายต่อระบบสังคมและระบบนิเวศน์ หรือชีวิตและโลก

          ๑๑๐.เมื่อระลึกหรือภาวนาว่า ได้แค่โลง โกงทำไมจิตยั้ง จิตหยุด จิตละหรือผงะ

          ๑๑๑.ใจเราบริสุทธิ์ เราบริสุทธิ์ใจ ใจเราก็สบาย ความสุขไม่ได้อยู่ที่วัตถุเป็นแต่บำบัดกายไปชาติหนึ่งภพหนึ่งที่มีอายุไข ดวงจิตนี้ยังต้องท่องเที่ยวอีกยาวไกล ได้พบพระสัทธรรมก็เป็นบุญที่สุดแล้ว.....โน้มเข้ามา.......

          ๑๑๒.ธรรมไม่ใช่ความเชื่อแต่เป็นความจริงตามธรรมชาติ เราอยู่กับสมมุติมานานจนเข้าใจว่าเที่ยงเป็นอยู่อย่างนั้นไม่ดับไม่สูญ อยู่กันคนละแวบๆทุกชีวิตอยู่รอดๆกันไปไม่พึ่งคิดการใหญ่กำหนดนี้นั้นโน้น ให้เป็นไปตามเหตุปัจจัยตามวิวัฒนาการ ออกแบบสังคมตามความเป็นจริงแล้วจะอยู่รอด ที่สำคัญอย่าทิ้งธรรม...เหตุผล กติกาค้ำจุนโลกไม่ได้ ต้องเมตตาสถานเดียว....

          ๑๑๓.ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนแต่เป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาเป็นสัตว์โดยไม่สภาพไม่เที่ยง ตั้งอยู่ไม่นาน เวลาที่เหลือมีน้อยทุกคน(มนุษย์อายุไม่ยืน) ได้สิ่งใดมาทิ้งหมด อายุมากหากินเบาๆ ถ้าอายุน้อยๆหากินหนักๆ

          ๑๑๔.บ้างวัดดวงว่านรกหรือบาปไม่มีจริง....หลายสิ่งที่ไม่เห็น หลายอย่างที่ไม่รู้ รู้วันหรือได้ยินวันนี้ใช่จะเข้าใจใช่จะรู้หรือแจ้งชัดวันนี้ บ้างเป็นปีๆ หลายๆปี หลายสิบปีหรือภพต่อๆไป บ้างอายุมากขึ้นก็เข้าใจ บ้างเจ็บหนักก็เข้าใจเพราะถูกกระทบและเจ็บหนักหรือเจ็บนาน ธรรมไม่ใช่ความแต่เป็นความจริงตามธรรมชาติ

          ๑๑๕.ทุกชีวิตมีความพลัดพรากเป็นที่สุด สิ่งทั้งหลายมีความแตกและดับ ไหลเลื่อนไปตามเวลาอนันต์ที่ย้อนกลับไม่ได้ วันนี้ครอบครัวมีความรักความความเข้าใจกันหรือยัง ก่อนที่จะจากไป มนุษย์เห็นกันไม่นาน เมตตาได้ก็เมตตา ไม่ฆ่าเขาก็ตายอยู่ก็ทุกข์ อายุมากต้องเตรียม อายุน้อยต้องเหนื่อย...กรรม...

          ๑๑๖.ภพนี้ตั้งอยู่ในธรรม ภพต่อๆไปสบายๆ เมื่อแตกดับจะไม่เป็นผีร้องไห้ การมองอนาคต ๖๐ ปี ๗๐ ปี เป็นเพียงแวบต้องมองเป็นอสงไขยหรือเวลาอนันต์เราสั้นเราก็คิดสั้นๆ พระพุทธเจ้าทรงมองไกลเป็นอนันต์ไม่พึ่งวัดดวงว่านรกหรือบาปไม่มีจริง...

          ๑๑๗.ฟังธรรมให้รู้ ภาวนาให้เห็น เห็นไตรลักษณ์ เห็นจิตกุศลหรืออกุศล เป็นบุญหรือเป็นบาปที่จรเข้ามาเมื่อเห็นแล้วก็ชำระอบรมจิต กำหนัดรีบกำหนด ถ้าไม่กำหนดก็มีแต่กำหนัด

          ๑๑๘.จิตที่ปรุงแต่ง ใจที่นึกคิดไม่หยุดเหนื่อยนะ ทำ
กรรมดีใจสบาย ผลก็ดี ไม่ได้อะไร ชีวิตเหนื่อยกับความคิด จิตวิญญาณ เจ๊ง เศร้าหมอง ไม่พึ่งแตกดับในขณะนั้น เช่น คนที่ฆ่าตัวตายจิตก่อนตายเศร้าหมอง

          ๑๑๙.เราไม่พึ่งให้ชะตากรรม วันเวลา ฤดูกาล เหตุการณ์ ความเจ็บ ความเสียหาย ความสูญเสียหรือความทุกข์มาสั่งสอนหรือบอกหรืออบรมเราสอนเรา...เจ็บแล้วต้องจำถ้าไม่จำช้ำจนตาย

          ๑๒๐.เมื่อสุขมากจะไม่อยากไปจากโลก อายุมากต้องเตรียม อายุน้อยต้องเหนื่อย มนุษย์คู่กับทุกข์ สุขหลอกมาทุกข์

          ๑๒๑.คนตายเพราะความคิดมีมาก คนบ้าสติไม่ดีเพราะความคิดก็มาก คนประสาทเพราะความคิดก็มาก คนเครียสเพราะความคิดก็มากๆ คนเศร้าหมองเพราะความคิดก็มากๆ คนมีแล้วมาจน คนดีแล้วมาบ้าก็เพราะความคิด...ธรรมพระพุทธเจ้าช่วยได้...ฝึกสติเพื่อเห็นจิตเพื่อดับเย็นให้แก่จิตดวงนี้ คิดนานเป็นทุกข์ สงสัยก็เป็นทุกข์ไม่รู้ก็เป็นทุกข์เข้าใจไม่ตลอดก็ทุกข์ มนุษย์คู่กับทุกข์

          ๑๒๒.มีทรัพย์แต่ไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่ได้เหมือนทรัพย์นั้นถูกอายัด กรรม..มีแต่ตระหนี่ มีแต่มีโรค มีแต่ไม่มีเวลา มีแต่เวลาชีวิตจะหมด มีแต่บริวารใช้หรือถ้าใช้ผู้อื่นรู้ มีมาหามาเหนื่อยนะ

          ๑๒๓.คน สัตว์ สิ่งของ ต้นไม้ เมือง อาณาจักรน้อยใหญ่หรือวัตถุธาตุใดๆ กำลังถูกไตรลักษณ์บดขยี้ให้หายไปจากโลก การได้มาทั้งหมดเท่ากับสูญ
                  
โดย พันตำรวจโทสุรเดช ผะอบทิพย์
                                      


สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๖


สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๖

๑.เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้

๒.โลกคือไอติมหรือน้ำแข็ง เราคืออนุภาคของโลก(อนุภาคไอติม) เราถูกอุปโลกห์ขึ้นมาแล้วดับ บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของของตนเพียงดื่มอาบเคี้ยวกินแล้วก็ไป

๓.ทำตัวให้เหมือนแผ่นดิน หรือให้เหมือนดังคนตาย ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน ผลรวมของการได้เท่ากับสูญ ได้ใช้ไม่กี่ครั้ง เหนื่อยทั้งชีวิต ถูกหลอกมาก็ทั้งชีวิต เมา...

๔.ละกิเลสไม่ได้อยู่ต่อไปมีแต่ขยายภพภูมิชาติ กฎกรรมไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องงมงาย เพียงแต่อาจยังไม่โน้ม ไม่ฟัง ไม่ฝึก ไม่อบรม ไม่พิจารณาก็ปฏิเสธเสียแล้วแบบนี้เจ็บฟรี แบบนี้ตายฟรี แบบนี้วก วน เวียนไปๆมาๆ มาๆไปๆ ไปเรื่อยๆ ขณะปัจจุบันเพียงคิดร้าย ใจก็ร้อนแล้ว หรือก่อเวรมาใจก็กระวนกระวายเร้าร้อน จิตไม่สงบ คนไม่เห็นทุกข์ เจ็บตาย

๕.ความเคารพอ่อนน้อม ธรรมย่อมเกิด มีแก่ตน

๖.พอรวยหน่อยก็มาตาย พอฐานะดีหน่อยก็มาตาย พอสุขสบายหน่อยก็มาตาย พอใหญ่ได้หน่อยก็มาตาย พอได้ตำแหน่งใหญ่หน่อยก็ครองได้พักเดียว พอได้พักผ่อนได้ไปเที่ยวสุขไม่กี่ครั้งก็มาตาย พอทำงานหาเงินได้มาอยู่กับลูกหน่อยมาก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินสร้างบ้านได้หน่อยก็มาตาย พอทำงานเก็บเงินผ่อนบ้านเสร็จได้หน่อยก็มาตาย พอเก็บเงินมาทั้งชีวิตก็ถูกหลอกไปหมด พอเก็บทรัพย์มาทั้งชีวิตก็ถูกบริวารใช้หมด พอเรียนขั้นสูงจบมาก็ตาย พอเรียนตอนแก่อายุมากเรียนจบได้หน่อยก็มาตาย พอมาได้เมียสาวเสพสุขได้หน่อยก็มาตาย พอได้...............ได้หน่อยก็มาตาย พอมี............ได้หน่อยก็มาตาย พอเป็น............ได้หน่อยมาก็มาตาย สรุปใช้ชีวิตต้องคำนวณ ไม่พึ่งเหนื่อยเจ็บทนทรมานเพื่อเอาชีวิตไม่กี่สิบปีมาแลก แบก ประชัน หรือเพื่อหวังมาสุขปั้นปลาย ไม่เที่ยง ไม่เที่ยง ไม่เที่ยงหนอ...

๗.เมื่อ อยู่ร่วมกับผู้ไม่มีศีล ไม่มีวินัย ไม่มีมรรยาท ไม่มีความรับผิดชอบย่อมถูกกระทบหรือถูกเบียดเบียนและถูกกวนใจ(หงุดหงิด เคือง คับแค้น น้อยใจ) เป็นธรรมดา ไม่พึ่งเคืองหรือโกรธเพราะมนุษย์สัตว์ต่างมีกรรมหรืออุปนิสัยหรือระดับสติ ปัญญาหรือภูมิจิตภูมิธรรมหรือคุณสมบัติแตกต่างกันไปจึงแสดงการกระทำหรือ พฤติกรรมออกมาในลักษณะนั้นๆ เมื่อยอมรับตามความเป็นจริงแล้ว ใจเราก็ดับเย็น เบา ....

๘.เมื่อระลึกว่า ได้แค่โลง โกงทำไมจิตยั้ง จิตหยุด จิตละหรือผงะ

๙.อายุยืนไม่ดีอยู่ไม่เป็นสุขเพราะอวัยวะน้อยใหญ่เสื่อม รับรู้กระทบสัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ไม่สุขมิก่อประโยชน์แก่ตนรังแต่อยู่เพื่อชดใช้กรรมโดยเฉพาะการปรุงแต่งจิตในสัญญากรรมที่ก่อไว้ไม่ดีจะหลอน คนแก่ที่มีอดีตไม่ดีหรือมีเหตุค้างหรือคาทิ้งไว้ ไม่พึ่งให้อยู่ตามลำพังเพราะจิตจะปรุงแต่งมากๆ

๑๐.กฎกรรมไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่มันเป็นกฎธรรมชาติเป็นปัจจยาการมีเหตุปัจจัยเป็นห่วงโซ่มีกิเลสมีกรรมมีวิบาก ลากยาวเป็นอนันต์ๆ จุดที่เราอยู่แวบหนึ่งเมื่อเทียบกับเวลาอนันต์ อยู่กันไม่นานดังถูกอุปโลกห์ขึ้นมาแล้วก็ดับไป ย้อยเวลาไม่ได้เดินหน้าไหลลงดินไม่มั่นหมายๆๆมายึดมีตัว มีตน ทั้งที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของของตนเพียงได้ใช้แล้วก็จาก ไม่หลง ไม่เมา ไม่จม ไม่บ้า ไม่ติด ไม่ยึด ไม่ข้องหรือยินดีพอใจจนเกินไป ใช้เสร็จแล้วก็วางแล้วก็ไป ไปซะ

๑๑.เมื่อรู้โทษเวรภัยใจก็โน้มธรรม ตามธรรม ไม่เจ็บไม่มาหายเจ็บก็เอาอีกเจ็บ

๑๒.รวยคงรวยไม่กี่วัน สุขคงสุขไม่กี่วัน มีเกียรติคงมีได้ไม่กี่วันเพราะอายุที่เหลือน้อยลงทุกวันๆไปต่อไม่ได้แล้ว ลุกที่ขาสั่น ขันธุ์ ๕ หนัก โดยเฉพาะใจที่ปรุงแต่งมั่นหมายฟุ้งซ่าน หงุดหงิด คับแค้น วิตก หดหู่ เศร้าหมอง ขัดเคือง มนุษย์เหนื่อยกับความคิด ใช้ธรรมดับเย็นได้

๑๓.ใจรู้ไม่ยึดติด ใจยึดติดยังไม่รู้ อาณาจักรน้ำแข็ง โลกคือไอติมแตกมาแล้วหลายใบ หลายอสงไขยแสนกัป

๑๔.อีกไม่นานตัวเราจะกลายเป็นหนอน..คิดร้ายใจก็ร้อน ถูกกิเลสเผาใจ(ทุกข์)หงุดหงิด คับแค้น ปรารถนา สงสัย ไม่รู้ วิตก อิจฉา พยาบาท ไม่ชอบ ชอบ ใช้ธรรมดับเย็นได้

๑๕.ทิ้งศีลก็ทิ้งธรรม จิตก็ถูกทิ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีทางออก พึ่งวัตถุ พึ่งบุคคล พึ่งสถานที่ พึ่งสิ่งอื่นใดก็พึ่งได้แค่ชาตินี้ สมัยนี้ ใจก็หาความเป็นอิสระไม่ได้ ผูก..กรรม..

๑๖.ภพมนุษย์ต้องทุกข์โดยเฉพาะหญิงมีสามีร้อยละ ๗๐% - ๘๐% ทุกข์ยาวๆ(มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ ถ้ามีใจกับชายอื่นอีกก็กรรม เวร)เราไม่พึ่งซ้ำหรือเติมทุกข์ให้แก่ผู้ใดอีก มนุษย์สัตว์ทุกข์พอแล้ว เจ็บพอแล้ว เดี๋ยวก็จะจากทุกสิ่งแล้ว เจ็บนะที่หามาเยอะๆ คนแก่สบายเดี๋ยวก็ได้ตาย แต่สุขมากไม่อยากตาย ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน ไม่ใช่ของเราเป็นของเราเพียงชั่วขณะ

๑๗.ธรรมจริงเป็นของวิเศษ เย็น เบา สงบ เช่น เมตตา อภัย ธรรมแท้ๆต้องละกิเลส....เช่น ระลึกไตรลักษณ์หรือความดับบ่อยๆ(มรณะสติ) อนึ่ง มีวัตถุมากจิตสงบไม่ได้ ชีวิตคือจิต

๑๘.ยิ่งพูดหวานยิ่งหลอก ยิ่งให้เราเท่าไรก็ยิ่งจะเอาเราเท่านั้น ยิ่งตามใจเราเท่าไรก็ยิ่งให้เราตายใจเท่านั้น คบบัณฑิต ดี..

๑๙.ถึงใบหวยให้โชคลาภนับหลายครั้ง(ไม่เห็นรวย หรือถึงรวยก็ยังเห็นทุกข์อยู่ อยากอยู่ หลงอยู่ เมาอยู่)ทั้งป้องกันสรรพภัย(เห็นดับจากภัยที่ขอหรือภัยอื่นมาเยอะ)และให้มีอายุยืนอมตะนิรันดร(เห็น ๗๐ ปี ๘๐ ปี ก็ไปทุกราย ถ้าไม่ไปก็อยู่ไม่มัน) ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ได้จริงหรือไม่สะเด็ดน้ำยังวกวนเวียนในสังสารวัฎฎ์ ไม่เห็นทางออก แต่กลับติดยินดีพอใจผูกข้องในลาภและยังยืนนั้นยังแต่จะเพิ่มและสะสมปรารถนาและแย่งกันให้ร้ายกันเพื่อรวยๆๆ สร้างตัวตนทำให้สลายหรือถอดถอนตัวตนไม่ได้คือยึดมีตัวมีตนเมื่อยึดมีตัวมีตนก็ยึดแผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า หรือโลกเป็นของฉัน ตรงข้ามกับอนัตตา(ไม่ใช่ไม่ใช่ตน)หรือธรรม

๒๐.แจ้งโลก ไม่โลภ หากินแล้วก็ตาย อยู่ก็ประชัน กรรม

๒๑.จิตหลง หมายถึง เมา งมงาย จม ผูก ข้อง ติด หรือบ้าอยู่กับโลกหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งหรือเห็นว่าโลกเที่ยง จักรวาลเที่ยง สิ่งต่างๆเที่ยงมีหรือเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่แตกไม่ดับ อาณาจักรน้ำแข็ง อาณาจักรไอติม โลกคือไอติม สุญโญ ติดบัญญัติติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ

๒๒.โลกนี้ไม่เป็นของใคร จับจองแผ่นดิน แผ่นน้ำ แผ่นฟ้า เราคือสมบัติหรืออนุภาคของโลกชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป ไม่หลง ไม่เมา ไม่จม ไม่ผูก ไม่ยึด ไม่ข้อง ไม่ยินดีหรือไม่พอใจเกินไปแค่ได้ใช้แล้วก็จากหายไป ยิ่งหลงยิ่งเหนื่อย ยิ่งหลงยิ่งดิ้นรน ยิ่งหลงยิ่งแบก ยิ่งหลงยิ่งหลง ยิ่งหลงพูดไม่รู้เรื่อง ยิ่งหลงยิ่งกำหนดภพไม่ได้ วกวนเวียนอยู่ลูป

๒๓.เมื่อรู้ว่าความตายกำลังเข้าใกล้ หรือใกล้จะถึงเครื่องที่เร่งอยู่ก็ผ่อนลง เริ่มมีสติ เริ่มเห็น เริ่มแจ้ง(ระลึกบ่อยๆ)เริ่มหายมึน เริ่มหายงง ความโกรธ ความพยาบาท ความแค้น ความทะยาน การบินสูงเริ่มปรับระดับ เริ่มเบา เริ่มเย็น เริ่มหายเมา เริ่มหายหลง เริ่มหายอยาก เริ่มออก เริ่มละ เริ่มวาง เริ่มสงบ เริ่มวาง เริ่มอะไร อะไรดีดี ขึ้น...ความตายเป็นยาขนานเอก รักษาใจได้ทุกโรค ถอดถอนตัวตนธาตุขันธุ์ ตายทุกวัน เจ็บทุกวัน...อายุที่เหลือก็น้อยลงๆๆ

๒๔.สุขมากไม่อยากเดินออกจากโลก ติดโลก ยินดีต่อโลก หลงโลกไปกับโลกแล้วก็ดับไป มนุษย์อายุไม่ยืน มีสิ่งใดก็จากสิ่งนั้น ทุกข์...

๒๕.หาหรือสะสมไว้ให้ลูก หาหรือสะสมไว้ให้คนรัก หาหรือสะสมเพื่อผู้อื่นใด ลูก คนรักหรือผู้อื่นใดนั้นดับทุกข์ให้ไม่ได้ ถ้าหาได้โดยกรรมไม่ดีก็รับเอง จริงๆแล้วอายุมากกินไม่เท่าไร แต่งให้สวย หอมครั้งเดียวก็หมดราคาเพราะร่างมันงอมแล้ว มนุษย์มีกรรม ทิ้งจิตจบ

๒๖.เราเกิดมาเพื่อไม่เกิด(ชำระกิเลสให้ได้) จริงๆแล้วเราเกิดมาเพื่อตัวเราเพื่อมิให้เกิดอีกตายอีกเราตายแล้วก็เกิดเราเกิดแล้วก็ตาย เกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย ตาย

๒๗.ถูกหลอกบ่อยๆ เจ็บบ่อยๆ สูญเสียบ่อยๆ ชำรุดบ่อยๆ เสียหายบ่อยๆ หมดเงินบ่อยๆ เจ๊งบ่อยๆ เหงื่อออกบ่อยๆ เลือดออกบ่อยๆ รอคอยบ่อยๆ ผิดหวังบ่อยๆ........บ่อยๆ หย่าขาดพอประมาณ พลัดพรากพอประมาณ แขน ขา ตา หรืออวัยวะน้อยใหญ่ขาดเสื่อมครั้งสองครั้งจะทำให้เราฉลาดขึ้นมีปัญญาขึ้น เห็นชัดขึ้น แจ้งขึ้น...พิจารณาดีขึ้น...

๒๘.ทิ้งศีลทิ้งธรรม จิตก็ถูกทิ้ง ธรรมดา กายเดี๋ยวก็ดับสิ้นไป กำหนัดรีบกำหนด(กำหนดรู้,มีสติ,รู้ตัวทั่งพร้อม)ไม่กำหนดก็มีแต่กำหนัด

๒๙.เอาวัตถุ เอาฤทธิ์ อภินิหาร สิ่งบันดาลเป็นที่พึ่งไม่พ้นทุกข์ได้แต่อาศัยพักพิงพึ่งชั่วคราวเท่านั้น จิตวิญญาณตามหาพุทธธรรม บางดวงพบธรรมถึงกับร้องไห้ แต่เวลากำลังไล่เราออกจากโลกใบนี้....รู้ตัวก็สายเสียแล้ว...กรรม....

๓๐.ในเวทีแห่งภูมิภพสังสารวัฎฎ์ที่ยาวไกลมนุษย์เป็นสัตว์บำเพ็ญ ทิ้งศีลทิ้งธรรม หมดราคา ถึงมีฤทธิ์เหาะมาบินมาเสกเป่าพ่นท่องก็ไม่ใช่ทางละบาปชำระกิเลส ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ถ้าตายแล้วสูญ เลิกกัน พุทธเจ้าไม่ต้องมีก็ได้ ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นานจริงๆ(เกิดมาแล้วก็หายไป)

๓๑.ฟังธรรมเสริมปัญญาไม่ฟังไม่ได้เพราะไม่รู้ทางเห็นเคลื่อนปฏิบัติก็เคลื่อน สรุปฟังแล้วโน้มตามจะเห็นบ้าง เช่นพังผืด ตกขาว ผมขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูกเยื่อในกะโหลกศรีษะเป็นอสุภะ อสุภสัญญา เมื่อเห็นสาวสวยระลึกอสุภะจะคลาย.....ดับหรือภาวนาตกขาวๆ,เมือกๆ,หนองในๆ,เหงื่อๆหรือคำใดๆเพื่อข่มหรือหยุดการปรุงแต่งจิต แต่ที่สำคัญต้องฝึกสติเพื่อเห็นจิตรู้เท่าทันอารมณ์ความคิดและมาบ่มอบรมจิตพิจารณาเพื่อถอนหรือชำระกิเลส อนุสัย ที่สุดต้องมีศีล ไม่มีศีลหมดราคา คุยไม่รู้เรื่อง ถึงมีศีลก็ยังติดอยู่ ยังดับทุกไม่ได้เพราะยังไม่มีปัญญาหรือมีปัญญาน้อย ปัญญาที่ว่านี้คือปัญญาที่รู้หนทางดับทุกข์(รู้ในรู้นอกหรือสมมุติและวิมุติ)

๓๒.ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่จะเกิดผลกรรม...

๓๓.ทำกรรมไม่ดี คิดบวกไม่ได้นาน เพียงข่มจิตทับไว้ สัญญา(ความจำได้หมายรู้)กรรมผุดปรากฏอีก และมิได้แก้ไขใจยังข้อง อกุศลมีอยู่ สรุปแค่อุบายหลอกจิตชั่วขณะ ใจไม่โปร่ง ทำกรรมใดใจก็ปรุงแต่งเช่นว่านั้น

๓๔.เมาโลก ทิ้งโลกไม่ได้ โลกก็ทิ้ง เกิดมาแล้วดับหายไปจะยึดทำไม บอกใจเราบ่อยๆ

๓๕.ผู้ที่หนาแน่นด้วยกิเลสจะมีจิตน่ากลัว เห็นคนฉิบหายดีใจ เห็นคนได้ดีมีดีเก่งกว่าเหนือกว่าเด่นกว่าอิจฉา เห็นใครเสมอเท่าเริ่มเคืองหงุดหงิดโจมตีให้ร้าย เห็นคนต่ำกว่าทำทีเมตตาพอไม่ซื่อหรือไม่เชื่องหรือไม่สนองกิเลสให้แก่ตนจะให้ร้าย ทำร้าย ฆ่า จิตมนุษย์ดีก็สุดๆบรรลุอรหันต์ ร้ายก็สุดๆ ล่าข้ามทวีป คิดดีใจเย็น เบา สบาย สงบ คบบัณฑิตบูชาผู้ที่ควรบูชา คบคนพาลจิตเสีย เสียเวลาชีวิต เสียชาติภพภูมิ แต่ไม่พึ่งโกรธ สัตว์ทุกตัวต่างมีกรรม

๓๖.ระวังเรากำลังถูกต้อนไปสู่ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ปุถุชนสู้เพื่อรักษาร่าง ทุ้มทั้งหมดที่หาได้มา แต่นักภาวนาจะประคองจิต รักษาจิต ส่วนอริยะเร่งบ่มอินทรีย์ให้แก่ มีคนตายทุกวันๆๆ

๓๗.ทยอยหายกันไปที่ละคนสองคนหรือหลายๆคนจนหมด หมด สูญโญ ทุกขัง อนัตตา

๓๘.ระวังสุขจะหลอกไปหาทุกข์ ยาวๆ สุขทุกข์ติดหรือต่อเนื่องกันหรือเนื่องกัน

๓๙.สุดท้ายก็ตาย วุ้นวายทำไม แย่งชิงทำไม เบียดเบียนทำไม ดิ้นรนทำไม กักตุนทำไม ใหญ่ทำไม เก่งทำไม ที่สุดทำไม   .........ทำไม......ทำไม อายุที่เหลือมีน้อย ถึงได้อะไรก็มาก็ต้องจากสิ่งนั้น

๔๐.อย่ายึดคน ต้องยึดธรรม ธรรมและวินัยแทนคถาคต

๔๑.ร่างกายเรามีค่าเพียงดิน แต่ค่าอยู่ที่เราทำประโยชน์ เมื่อถือตัว(ตัวตน)ใจก็หนัก มนุษย์ต่างด้วยอุปนิสัยและระดับสติปัญญาทั้งภูมิจิตภูมิธรรมทุกการกระทำที่ออกออกมาคือจิต ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน...ไม่หลง..มีแล้วก็จากเพียงลูกคลำก็ไป มีมากมีต้นทุนมีภาระหายะแก่จิต ลูกป่วย เมียป่วย กิจการขาดทุน รถเสียก็ทุกข์แล้ว

๔๒.ไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อบาปเป็นคนไม่มีกติกาชีวิตน่ากลัวและคนที่ไม่จริงก็ทำอะไรได้ทุกอย่างอันตรายและถ้าสะสมความไม่จริง สังคมมนุษย์ร้อน ร้อนๆ ร้อน...เมตตาๆ

๔๓.พูด ง่ายว่าจะสร้างบ้านสักหลัง กว่าจะผ่อนเสร็จแทบตายแล้วก็มาดับ หรือเงินที่หามาได้ทั้งหมดจมลงกับบ้านหลังนี้หรือชีวิตทั้งชีวิตหมดกับบ้าน หรือวัตถุธาตุอื่นใด กรรม สรุปชีวิตหมดไปกับทรัพย์(วัตถุธาตุ)หมดไปกับหล่อ กับสวย ระวังวัตถุกับหล่อกำลังรุมทำร้ายจิตดวงนี้ใช้ชีวิตต้องคำนวณโดยเฉพาะชีวิต กับสังขาร

๔๔.นานี้ของฉัน เกาะนี้ของฉัน ประเทศนี้ของฉัน ของฉันทั้งนั้น รวมตลอดถึงสิ่งที่จะเกิดมีขึ้นก็ของฉัน แต่ฉันกำลังจะไปหรือเป็นของฉันได้ไม่เกิน ๕ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี ส่วนจะได้ใช้หรือใช้กี่ครั้งมันก็เรื่องของฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน สุขบดบังทุกข์ใจผูกจิตไม่อิสระ ดับไม่ลงต่อภพต่อภูมิกันไป

๔๕.เมาโลกเมาชีวิตก็อยู่แบบเมา ถ้าละได้เลิกได้ถอนได้ออกมาเถอะ อาณาจักรน้ำแข็ง อาณาจักรไอติม ยึดสิ่งใดก็ไม่ได้ เว้น ธรรม ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแต่มีตัวขณะหนึ่งก็ดับสมมุติทั้งชื่อและรูปร่างติดบัญญัติจะไม่เห็นวิมุติ เมา...

๔๖.มนุษย์มีเวร มนุษย์มีกรรมทุกข์กายทุกข์ใจกันอยู่แล้ว มนุษย์ไม่พึ่งก่อเวรมีเวรสร้างเวรผูกเวรจองเวรสะสมเวรกัน ที่สำคัญมนุษย์อายุไม่ยืนและที่สุดเวลาชีวิตที่เหลือก็น้อยทุกคน อยู่นานกว่า ๑๐ ปี ๒๐ ปี แล้วไง ยังไงก็ตาย

๔๗.ฝึกสติเพ่งพิจารณาจึงจะรู้แจ้ง(เห็นโทษภัย)จึงมารู้ละรู้วาง เมื่อละเมื่อวางใจจึงว่าง เมื่อว่างอินทรีย์แก่ กระทบแล้วกระทบอีกใจก็ไม่ทุกข์แต่นี้พูดผิดหูพูดไม่หวานพูดไม่ถูกใจหน่อย อยากหน่อยก็หงุดหงิดคับแค้นเสียแล้ว มีหรือเกิดอาการ คุมจิตได้หาอุบายวิธีดับหรือคลายให้ได้ เอาธรรมมาเป็นปัญญาดับเย็นให้แก่จิต

๔๘.ความพอดีอยู่ที่ไหน ความสุขอยู่ที่นั้น ต้องคำนวณและพิจารณาดีๆ พลาดเจ็บยาว เช่น มีภาระมาก ก่อเหตุที่มีผลผูกพันต่อวันข้างหน้าเป็นปีๆ หลายปี หรือเป็นลูกโซ่ เช่น ได้กิ๊กตกลูก เงินน้อยซื้อบ้านหลังใหญ่ รถงาม เจ็บ แบกวัตถุเกินกำลัง คบผู้เห็นผิดหรือคนพาล ไม่เชื่อกรรม....หรือหลงไม่รู้ดับ.....กรรม....ต้องหาอุบายเบื่อร่างเบื่อโลกให้ได้ต้องเห็นทุกข์โทษภัย คนไม่เห็นทุกข์ยังไงก็มัน มันๆ มันต่อ มันต่อไป

๔๙.กรรมไม่ใช่ความเชื่อแต่เป็นความจริง เช่น ทำผิดวิธี วิถี งานค้าง เรื่องเยอะทั้งค้างและมีต่อ หรือมีเรื่องกับผู้ใดจิตก็วิตกหวั่นไหว เศร้าหมอง ทั้งนี้ไม่รวมตลอดถึงอยาก เมื่ออยากก็เศร้าหมองจิตก็ฟุ้งซ่าน(ทุกข์) ยิ่งแสวงสุข ทุกข์จะมาหา

๕๐.ใจมีคุณธรรมจะเย็น จิตจะปรุงแต่งสบายๆ ใจที่ไร้คุณธรรมจะร้อนจิตไม่สงบไม่จบ จบเจ็บ สติต้องฝึกเพื่อเห็นจิต สติจิตธรรม ต้องมีศีล ทิ้งศีลหมดราคา

๕๑.หลงไม่รู้ดับ อันตราย..

๕๒.เมื่อภาวนาหรือระลึกบ่อยๆซึ่งความตาย ความดับ อนันต์ อสงไขย ไม่มีเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด จิตจะเริ่มตื่นเริ่มหายเมาหายหลงจะแจ้งขึ้นเรื่อยๆจนหลุดไม่ติดโลก หลงโลก(ลาภยศสรรเสริญสุข ยินดีพอใจมั่นหมายอยาก)

๕๓.ฟังก์ชันกาลเวลาจะพาเราไปพบสัจแห่งชีวิต ความจริงจะถูกเปิดว่า กรรมมีจริง บุญบาปมีจริง นรกสวรรค์ไม่ใช่สถานที่แต่มันคือจิตที่ถูกกระทบทุกขณะๆๆ ที่ไหลเลื่อนท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่....

๕๔.กาลเวลาจะบดขยี้ร่างเราให้แหลกเหลวเป็นดินธุลีดิน โลกนี้ไม่มีเราแผ่นดินนี้ก็คือเรา วันนี้ยังมีเรา พุทโธ โอ้โห ธัมโม โอ้โห สังโฆ โอ้โห...

๕๕.ไม่ ปล่อยจิต พึ่งหาที่อยู่ให้จิตหรือให้จิตเกาะเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การงาน,ลมหายใจ,เพ่งสิ่งใดๆ,ท่อง(บริกรรม,สวดมนต์),ระลึกตรงๆกับสิ่งที่ สัมผัส,ระลึกหรือพิจารณาโดยรู้สึกตัวหรือรู้ตัวรู้ใจขณะคิดนึกนั้น จิตดวงนี้กำลังรอคอยที่จะขึ้นมา.....ฟุ้งซ่านทุกข์ คิดนานก็ทุกข์ คับแค้นก็ทุกข์ สงสัยก็ทุกข์ อยากก็ทุกข์หรือไม่อยากก็ทุกข์...คนไม่เห็นทุกข์ เจ็บตายแน่ๆ

๕๖.เราไม่พึ่งคิดว่าเราอยู่บนโลกนานเพราะความจริงเราอยู่ได้ไม่นาน ทุกขัง...หากกินแทนที่จะได้ กลับไม่ได้ ไม่น่าเชื่อแต่จริง...เช่น รวยเมื่อแก่ ผ่อนบ้านเสร็จก็มาตาย พอสบายสังขารก็เสื่อม...

๕๗.ความรู้ทางโลกพัฒนาไม่สิ้นสุดเพียงบำบัดทุกข์แต่ทุกข์ใจไม่ดับ แต่กลับเพิ่มทุกข์อีกเพราะสิ่งที่ได้มาไม่เที่ยง เสื่อมชำรุดป่วยจิตผูกถ้ารู้กิเลสสังเกตพิจารณาหาอุบายวิธีก็เห็นจิต ดับทุกข์ใจน้อยใหญ่ได้ตามอินทรีย์เมื่อเอาโลกมาเป็นความสุขย่อมไม่เห็นแจ้งธรรมเพราะยินดีพอใจติดจมผูกข้องพร้อมดับลงไปกับสิ่งนั้น กิเลสทำให้ทุกข์ต้องใช้ปัญญาชำระเห็นโทษเวรภัยแตกดับ ที่สำคัญต้องฝึกสติมีศีลเป็นพื้น

๕๘.แม้เรามีพี่น้องเครือญาติบริวารเพื่อนฝูงคนที่รักที่ชอบมากมายก็ตามแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครไปกับเรา จิตดวงนี้ยังท่องเที่ยวเพียงผู้เดียวในสังสารวัฎฎ์ที่ยาวไกล ภพนี้ชาตินี้อาจเดินได้เพียงก้าวเดียวเมื่อเทียบกับสังสารวัฎฎ์หรือเส้นทางอนันต์ เพียงก้าวเดียวได้พบธรรมฟังธรรมย่อมได้แสงสว่างเป็นแสงธรรมส่องชีวิตให้แก่ดวงจิตนี้ ถ้าตายแล้วสูญพระพุทธเจ้าไม่ต้องมีก็ได้....มรรค ๘  .....เวลาชีวิตชั่งเหลือน้อยลงๆๆๆ

๕๙.เชื่อธรรม(ละชั่ว ทำดี จิตบริสุทธิ์) ฟังประเทศ(ปฎิบัติตามกติกา) เคารพอาวุโส(รู้จักเล็กใหญ่อ่อนน้อม) บูชาอริยะ(บุรุษสี่คู่) คารวะผู้ใหญ่ สังคมก็งาม สงบ เย็นเบา ไม่หลอกลวงกัน ไม่เบียดเบียนกัน

๖๐.จิตใจไม่ได้พึ่งวัตถุแต่พึ่งคุณธรรมหรือบุญกุศล เมื่อใจพึ่งวัตถุ ใจก็ไร้ที่พึ่งเหมือนปลาขาดน้ำ คนขาดธรรมจิตวิญญาณจะอยู่ได้อย่างไร เช่น เศรษฐีมีเงินเป็นล้านๆ หรือมีอำนาจเหตุไฉนจึงทุกข์หรือดับทุกข์ไม่ได้ คนทำบุญช่วยเหลือผู้อื่นใจปีติ คิดเมตตาทำไมใจเย็น เบา สงบ คิดโกรธ พยาบาท อิจฉาทำไมใจจึงร้อน....ไม่มีธรรมไม่มีที่พึ่งจิตมืดบอด ร่างนี้ตั้งอยู่ไม่นาน

          โดย  พ.ต.ท.สุรเดช  ผะอบทิพย์


              

บทความที่ได้รับความนิยม