วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๙



สมาธิเคลื่อนที่กับข้อคิดข้อธรรม ๙





๑.ปฏิบัติธรรมเพื่อรู้ตัวรู้ตน ไม่รู้ตัวไม่รู้ตนก็จนตาย หาตาย ทำตาย ทุกข์ตาย วนตาย ตาย ออกไม่ได้



๒.หาเงินหาทองจนลืมชีวิตมารู้เมื่อเวลาจะหมดร่างกำลังจะพังทิ้งจิตทิ้งธรรมชีวิตโมฆะ จิตมืดบอด



๓.เชื่อธรรมถึงธรรม โบสถ์วิหารเจดีย์ไม่ใช่ที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริงคือทานศีลภาวนาหรือมรรค ๘ ทิ้งธรรมทิ้งชีวิต ชีวิตจริงไม่สุขถูกหลอก



๔.ประชุมเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่เท่ากับปิดการประชุมฟังเสียงจากภายนอกคิดจากภายในมีทั้งประโยชน์ตนและผู้อื่น



๕.จิตบันทึกในสิ่งที่ทำในกรรมที่ก่อทุกขณะๆ สะสมไปเรื่อยๆ กรรมใดๆที่ไม่ดีเมื่อผุดขึ้นใจก็นึกคิดปรุงแต่งไม่สงบเร้าร้อนกระวนกระวายใจไม่สงบให้ผลทั้งปัจจุบันและอนาคตชาติ ส่วนกรรมดีที่ก่อไว้เมื่อระลึกก็สบายใจเย็นมีผลสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า



๖.ไม่เชื่อบาป ไม่เชื่อกรรมก็ต้องปล่อยเขาไปแต่ความตายและความทุกข์จะสั่งสอนเขาเอง ยิ่งเจ็บสูญเสีย ยิ่งเสียหายสติตั้ง ปัญญาเกิดขึ้นๆ



๗.สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา พระพุทธเจ้าก็เป็นอนัตตา พระธรรมก็เป็นอนัตตา ไม่พึงมั่นหมาย ใช้แล้ววาง เวลาเหลือน้อยพึ่งตื่น ความเจ็บความตายกำลังใกล้จะถึงไม่พึ่งประมาทและยินดีในสุขส่วนที่ทุกข์อยู่เจ็บอยู่ทนอีกนิดหนึ่งคงเจ็บและทุกข์ไม่มากไปกว่านี้ สติและความเพียรเป็นเครื่องออก บ่มเข้าไปๆ



๘.คิดดีเป็นบุญเย็นใจสงบ คิดร้ายเป็นบาปร้อนหนักใจ ทำกรรมไม่ดีใจก็นึกคิดปรุงแต่งในสิ่งนั้น ลืมไม่ลงเมื่อสะสมมากขึ้นๆ หรือผุดออกมาบ่อยๆจะหลอนหรือประสาทเสีย หรือเสียประสาท  ถ้าแตกดับในขณะนั้นทุคติมีอันหวัง



๙.เมื่อกายเคลื่อนจงกำหนดหรือคุมจิตให้อยู่กับการกระทำทุกๆขณะ ถ้าส่งจิตหรือจิตออกนอกก็ทุกข์แล้ว เมื่อทำงานก็ตั้งใจจะได้สุข คนฟุ้งซ่านจะปรารถนาความเจ็บจะมาหา



๑๐.ชื่อตัวก็สมมุติ ตัวตนก็สมมุติเพราะตั้งอยู่ไม่นานกำลังแปรสลายดั่งฟองน้ำแตกขณะฝนตก แล้วมายึดตนทำไม ตัวของตัวก็ยังยึดไม่ได้ แล้วมายึดว่าเป็นของตัวทำไมกัน



๑๑.พึ่งรักษาร่างขั้นสูงสุด เวลาชีวิตเหลือน้อย



๑๒.ไม่พึ่งมองหรือเปรียบเทียบกับผู้อื่นเพราะมนุษย์สัตว์ต่างมีเหตุปัจจัยและกรรมที่ทำมาไม่เหมือนกัน พึงใช้ชีวิตไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่เกินกำลัง หรือตามครรลอง และหรือคำนวณการในสิ่งที่ทำและมี สิ่งหรือการใดที่ทำหรือมีแล้วเป็นทุกข์ ไม่พึ่งให้เกิดขึ้นอีก....มนุษย์มีเวลาน้อยจะได้อะไรมาก็ต้องจากสิ่งนั้นไป



๑๓.หลงชีวิตเห็นแก่ตัว ไม่เห็นตัวแก่ไม่เสียสละทำลายตนและผู้อื่น



๑๔.โบสถ์ วัด บทสวด พุทธรูป วัตถุมงคล วิธีทำสมาธิ สถานะ บทบาทเป็นเพียงเครื่องมือหรือสิ่งงามหรือแนวทางให้ก้าวไป แต่สำคัญอยู่ที่คิดดีทำดีพูดดีเสมอๆ หรือประคองจิตมิให้เกิดอกุศล ถ้าเกิดก็ละเสีย ดับเสีย ชำระเสียหรือพิจารณามีอุบายออก ประพฤติธรรมสำคัญอยู่ที่จิต ตั้งสติคุมจิตไว้มิให้ผิดธรรม ต้องฝึกสติจะได้มีปัญญาให้มีศีลก่อน



๑๕.คลั่งตำราบ้าคัมภีร์ไม่พบความจริงติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ ถูกมารหลอกจนจมรู้จริงต้องปฏิบัติให้มากฝึกฝนอบรมบ่มอินทรีย์บ่อยๆเสมอๆให้แก่



๑๖.เห็นมามาก จับๆ ต้องๆ ได้ใช้ไม่กี่คราว ครอบครองได้ไม่กี่ปี เป็นเจ้าของไม่นานแล้วก็แบมือไป หายไป ๕๐ ปี เริ่มละ ๖๐ ปี เตรียม ๗๐ ปี พร้อม(พร้อมไปพร้อมตาย) ๘๐ ปี ไป ๙๐ ปี ถ้าเป็นเราจะไปยืนหน้าโลงทุกๆวัน ทั้งหมดที่มี ส่งคืนทั้งหมด



๑๗.เราอยู่บนกาลเวลาอนันต์ที่ย้อนกลับไม่ได้ เรากำลังเดินไปสู่ความแตกดับหรือเราและสิ่งนอกตัวเรากำลังแปรเปลี่ยนสลายดับไป ไม่พึ่งมั่นหมาย ไม่พึงฝันไปไกล และหรือต้องไปให้ถึง ใช้แล้วก็วาง ใจที่ผูกไม่ยึดจะอิสระเมื่อจากจะสบายๆ ต้องคำนวณการแต่เนินๆ ใช้ชีวิตเพลินไม่ได้



๑๘.เขาทุกข์อยู่แล้วภาระเขาเยอะเขาหยุดไม่ได้เขายังผูกอยู่หลงอยู่ไม่ต้องไปทำลายเขา อีกไม่กี่ปีเขาก็แก่ก็เจ็บก็ราบไปกับดินแล้ว เขาไม่เห็นทางออกจิตวิญญาณเขาต้องไปชดใช้ตามภพภูมิน้อยใหญ่



๑๙.พระเจ้า เทพ เซียนทำให้เราบริสุทธิ์ไม่ได้ ทำให้เราพ้นทุกข์ไม่ได้จริงตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจะบริสุทธิ์ได้ก็ด้วยปัญญา เชื่อธรรมถึงธรรม เมื่อปัญญาน้อยก็ต้องมีศรัทธาก่อน ฝึกกายมีศีลฝึกสติมีธรรมหากินแล้วก็ตายไม่มีประโยชน์ผิดทาง



๒๐.บ้างแค่บอกก็เชื่อก็ฟัง บ้างแค่เตือนก็หยุด บ้างต้องดุถึงหยุด บ้างลงโทษถึงจำ บ้างลงโทษแล้วทำอีกตีตายเปล่า ต้องปล่อยให้ชะตา กรรม วิบากหรือความเจ็บความตายสั่งสอนหรือจัดการกับเขาไป เพราะมนุษย์สัตว์ต่างด้วยสติปัญญาและอุปนิสัย อยู่กับคนไม่เชื่อฟัง ดื้อ ดุ รั้นให้พิจารณาเหตุปัจจัยเข้าใจคนเข้าใจสัตว์ใจสบายดับเย็นไม่หงุดหงิดคับแค้นหรือเคือง แต่กลับเมตตาสงสาร ปล่อยไป



๒๑.คนไหนมีชีวิตอยู่อย่างผู้ดับเย็น คือผู้ชนะ ผู้ก่อบาป ก่อเวร ผูกเวร มีเวร จองเวร หรือสร้างกรรมไม่ดีดับเย็นไม่ได้จิตใจจะเร้าร้อนกระวนกระวายไม่สงบ สะสมมากๆ หลอน เรามีกฎกรรมเป็นแดนเกิดเป็นกฎธรรมชาติมันเป็นของมันอย่างนั้น บ้างผมสองสีถึงมารู้ เมื่อมารู้ก็สร้างบาปกรรมไปมิใช่น้อยแล้ว



๒๒.คนไม่มีธรรมดำรงอยู่ก็ไม่มีธรรมอยู่ร่วมด้วยต้องอดทนมันเป็นกรรมของสัตว์เป็นคราวเคราะห์ของเราหนีได้ก็หนีถ้าหนีไม่ได้ก็ต้องมีปัญญา ถ้าใหญ่กว่าเราก็อย่าไปขัดคดขัดใจ ถ้าตัวเล็กกว่าเราก็ต้องเมตตาสงสารเขาไป



๒๓.แก่มากแล้ว หูตาก็ไม่ดีฟันก็เคี้ยวไม่ได้หรือไม่ค่อยได้ ลุกก็โอยนั่งก็โอย จะสะสมอะไรอีก จะหาอะไรอีก จะเดินทางอยู่แล้วยังไม่รู้เรื่อง เมาหากินไม่รู้ดับ



๒๔.ตักบาตรยังโลภ สวดมนต์ก็ขอหวยให้ร่ำให้รวยให้มีโชคลาภ นั่งสมาธิก็ทำเท่  กรวดน้ำก็ทำอาการแต่จิตส่งออก ยกมือไหว้พระธรรมะไม่มี เราเล่นตลกอะไรกันหรือ สติ จิต ธรรม บุญสำเร็จได้ด้วยใจ ใจดีทุกอย่างดี ละอกุศลเจริญกุศล



๒๕.หนีเรียน หนีพ่อแม่ หนีบัณฑิต หนีพระ หนีงาน ชีวิตดับแต่ถ้าหนีธรรมจิตก็มืดบอด แต่ความเจ็บความสูญเสียจะบอกหรือจะสอนเราให้เข้ามาหาบุคคลหรือสิ่งเช่นว่านั้น



๒๖.เรามาจากไหนกัน เมื่อออกจากโลกนี้จะไปที่ไหนกันต่อ เราต่างอยู่บนเส้นทางแห่งกาลเวลาอนันต์หรืออสงไขยที่ย้อนกลับไม่ได้ ชาติหนึ่งๆเหมือนเราเดินได้เพียงก้าวเดียว ไม่หลงหนอ ไม่ยึดหนอ ไม่มั่นหมายหนอ ใช้แล้วก็วาง เวลาเหลือน้อย



๒๗.เมื่อสะสมเหตุไม่ดีทุกๆขณะหรือทุกวันๆ ทุกเดือนๆ.....ต่อเนื่องหรือขณะใดๆก็รับผลช้าเร็วตามเหตุปัจจัย เช่น ด่าผู้มีโทสะหรือคนใจร้ายเขาก็อาจทำร้ายเราทันที แต่ถ้าด่าผู้มีศีลมีธรรมท่านก็ไม่ทำร้ายเราแต่รับกรรมหนัก หรือไม่ทำงานก็ไม่มีเงินก็เป็นผู้เสื่อม ขับรถฝ่าไฟแดงหรือทำผิดกฎจราจรบ่อยๆก็เป็นนิสัยก็จะเกิดอุบัติเหตุ หรือจุดไฟเผาบ้านไฟก็ไหม้บ้าน ไม่ศึกษาเรียนรู้ก็เป็นเหยื่อ หรือถ้ารู้ก็ต้องได้รับโทษภัยเป็นเหยื่อ กรรมไม่ใช่ความเชื่อแต่เป็นความจริงเป็นกฎธรรมชาติ



๒๘.อยู่ตามครรลองแล้วจะไม่ร้อง เช่น มีท้องแต่เด็ก มีเซ็กส์ก่อนวัย มีใจก่อหนี้ มีมากแล้วยึดแตกดับอันตราย



๒๙.คนขี้โกรธขาดทุนทำร้ายจิตตนและสร้างหรือเพิ่มศัตรูหน้าก็ไม่สวยไม่งามไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ใจก็ไม่สงบเร้าร้อน ร้อน



๓๐.ผิดใจกับบัณฑิตไม่มีภัยแต่กรรมหนักผิดใจกับคนพาล ชีวิตอาจบัลลัย ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต คบคนดีๆนะลูก เชื่อฟังผู้ใหญ่นะลูก พ่อแม่สอนไว้



๓๑.มีชีวิตต้องคำนวณ เช่น บีบยาสีฟันตักข้าวเดินทางจะใช้จะมีคนทรัพย์สิ่งของก็ต้องคำนวณ ตกคำนวณชีวิตตก เช่น ใช้จ่ายเกินตัว



๓๒.คนมีทั้งหยาบทั้งละเอียด อยู่กับคนหยาบถูกกระทบถูกเบียดเบียนก็ธรรมดา เช่นอยู่กับคนขี้เกียจ คนไม่มีความรับผิดชอบ คนไม่มีวินัย คนไม่มีมรรยาท คนไม่มีศีล คนไม่มีธรรม คนดีแต่ปากหรือเก่งแต่ปาก รู้หัวข้อแต่ไม่รู้รายละเอียดหรือไม่เคยปฏิบัติ ไม่รู้ปัญหา ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยสูญเสีย ถ้าอยู่ร่วมด้วยก็คิดเสียว่าเป็นกรรมของสัตว์ เป็นคราวเคราะห์ของเราถ้าเป็นลูกเป็นหลานเป็นเพื่อนเป็นสามีหรือภรรยา ชีวิตก็มีแต่เวรแต่กรรมเป็นธรรมดา



๓๓.ตายทุกวัน ทุกเวลา ทุกวัย ไปหมด หายหมด สะสมทำไป หากินเบาๆ ใจจะได้สบาย เย็น



๓๔.อย่ากับอยู่กับความมั่นหมาย จงอยู่กับความปล่อยวาง หาอุบายวิธีให้ได้พิจารณาบ่อยๆ



๓๕.โจทย์ของชีวิตทำอย่างไรไม่ต้องเกิดอีกตายอีก เกิดอีกก็ทุกข์อีกเจ็บอีก ชำระหรือถอดถอนกิเลสให้ได้ ต้องใช้ปัญญาทั้งหมดที่มี ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้มีปัญญา



๓๖.ไม่ต้องฝันไปไกลและไม่ต้องไปให้ถึงเพราะมนุษย์มีเวลาน้อย และเวลาใกล้จะหมด ถึงได้มากขึ้นก็สุขไม่เท่าไรถึงเป็นเจ้าของก็เป็นได้ไม่กี่ปี แต่กว่าจะได้มาเหนื่อยไม่รู้เท่าไร เวลาหมดทรัพย์หมด หากินเบาๆ ทุกข์โทษเวรภัยจะได้น้อย ภพภูมิจะได้สั้นลงน้อยลง หากินเบาๆ



๓๗.การสร้างเหตุให้มีผลผูกพันหรือภาระต่อวันข้างหน้ามากไปอันตรายและเสี่ยงเพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เราไม่รู้ว่า เขาให้เวลาชีวิตเรามาเท่าใด



๓๘.เราอาศัยร่างนี้ได้อีกไม่นานเพราะสังขารกำลังเสื่อม ผลรวมของการได้จะเท่ากับสุญโญ เมื่อตื่นจะไม่ถูกหลอก หากินแล้วตายอยู่ก็ประชัน เหนื่อยนะ แต่ถ้าอยู่ตามครรลองไม่ร้อง ไม่เศร้าหมอง



๓๙.ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดี ชี้ว่าสังคมเลวแต่เปลี่ยนกฎกรรมไม่ได้ไม่พึ่งหวั่นไหว



๔๐.ตราบใดยังไม่เห็นทุกข์โทษเวรภัยใจก็ติดอยู่ยินดีอยู่พอใจอยู่ หลงไม่รู้ดับชีวิตวิบัติ



๔๑.ปัญญาจะบริบูรณ์เมื่ออบรมจิตมั่นคง ศึกษาธรรมปฏิบัติธรรม และมีสัทธา ๔ คือ เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าทุกคนมีกรรม และเชื่อการตรัสรู้พระพุทธเจ้า



๔๒.ละ วางได้เพราะเห็นทุกข์โทษภัย ภาระต้นทุน หรืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในสิ่งนั้นว่าแปรสลายแตกดับ เช่น มีรถต้องซ่อม พอมีมากก็มาดับ



๔๓.ตั้งแต่นี้ต่อไป ทุกสิ่งจะจากเราไป กำลังเสื่อม เตรียมแผนซ่อมบำรุงและซ้อมจาก อายุมากต้องพร้อม อายุน้อยต้องเตรียมบ้างอย่าประมาท



๔๔.ใจรู้ไม่ยึด ใจยึดติดยังไม่รู้ จิตไม่อิสระต้องมีปัญญา เช่น จะละสิ่งใดต้องมีเหตุผลหรือเห็นโทษของสิ่งนั้น



๔๕.หลงไม่รู้ดับหากินตาย เมาทรัพย์เมาเอกลาภทิ้งจิตทิ้งธรรมชีวิตโมฆะ



๔๖.ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่จะเกิดผลกรรม เคารพอ่อนน้อมธรรมย่อมเกิดมีแก่ตนเป็นที่รักทั้งมนุษย์และอมนุษย์



๔๗.สัญญาจะก่อกวนเนื่องจากกรรมดำที่ก่อไว้จิตนึกคิดปรุงแต่งเร้าร้อนกระวนกระวายใจไม่สงบทำกรรมไม่ดีขาดทุน ถ้าสะสมมากขึ้นๆใบหน้าดำประสาทจะหลอนและขยายภพภูมิ



๔๘.เราไม่พึ่งคิดว่าเราอยู่บนโลกนานเพราะความจริงเราอยู่ได้ไม่นาน ทุกขัง...หากินแทนที่จะได้กลับไม่ได้ ไม่น่าเชื่อแต่จริง...เช่น รวยเมื่อแก่แต่กำลังจะไป ผ่อนบ้านเสร็จก็มาตาย พอสบายสังขารก็มาเสื่อมมาพัง



๔๙.เมื่อทำบาปแล้วก็เกิดแก่จิต เมื่อนึกคิดก็ผุดขึ้น บาปล้างไม่ได้ สะสมบาปย่อมเศร้าหมอง จิตเร้าร้อนกระวนกระวายไม่สงบ



๕๐.ยึดถือในสิ่งที่ต้องเสื่อม ต้องแตกดับ ต้องสูญ หรือมีภาระต้นทุน หรือมีโทษภัย หรือต้องทุกข์ใจ หรือยึดถือแล้วมาตาย มาจมอยู่กับภพ ยึดทำไม มีหรือเกาะเกี่ยวกับสิ่งใดแล้วทุกข์ มันจะเริ่มสั่งสอนเรา อบรมเราจนเห็นแจ้งขึ้นๆ จะเบื่อเองละเองวางเอง....ไม่รู้ก็เจ็บก่อนทุกข์ก่อน เจ็บไม่จำช้ำตาย เช่น มีผัวสองแล้วไม่เข็ด ยังมามีผัวคนที่สามอีก ไม่เจ็บหรือยังไม่แน่ใจหรือ หญิงโดยมากเมื่อได้สามีมาจะมีปัญหา(ได้ผัวไม่ดีมามีปัญหาแน่)



๕๑.การให้ทานเหมือนได้เม็ดกรวดเม็ดทราย แต่ถ้าภาวนาก็ได้เป็นเพชรเม็ดงามๆ มีศีลดีมากๆ



๕๒.ของรักสูญหาย ของชอบใจชำรุดใจเรายังรับไม่ได้หรือกว่าจะทำใจได้ก็เหนื่อยแล้ว ถ้ากายเราหายหรือกายเราพัง.....พิจารณาเตรียมทิ้งเห็นชัดแจ้งเราจะละมันได้ คนแก่เตรียม หนุ่มๆไม่ประมาท เวลาเหลือน้อย



๕๓.คนแก่บ้างคนอายุ ๖๐-๘๐ ปี ยังโกง จะตายอยู่แล้วยังโง่ทำบาปอีก กรรมบัวจริงๆ ทำไมถึงติดโลก เมาโลกจนกลิ้ง โปรดไม่ได้ต้องปล่อยตาย



๕๔.คนหยาบคนบาปไม่มีสัมมาคารวะ เข้าไม่ถึงธรรม ผู้อ่อนน้อมถึงธรรม



๕๕.เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทุกๆขณะพวกเราต่างทยอยหายกันไปจากโลกนี้จนเกลี้ยง มนุษย์รุ่นใหม่ๆก็ไม่รู้จักพวกเรา ทั้งที่พวกเราอาศัยอยู่ในโลกนี้มาก่อน สิ่งที่สร้างไว้ก็หายไปไม่มีใครเห็นใครรู้จักแม้แต่โลกใบนี้ก็หายไป พระอาทิตย์ก็หายไป อะไรๆก็หายไป สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นสิ่งหนึ่งดับไปสืบต่อเนื่องไม่ขาดสาย เราจะมายึดกับโลกทำไม เพียงดื่มอาบเคี้ยวกินเสร็จแล้วก็ไป ไม่หลงหนอ



๕๖.เข้าวัด เข้าโรงเรียนเพียรอ่านหัดเขียน ก.ไก่ ชีวิตจริงยิ่งกว่าแบบทดสอบ อารมณ์ความเจ็บเป็นเช่นใด พลัดพรากสูญเสียผิดหวังเป็นเช่นใด ตำรา แบบเรียนมิใช่ของจริงเป็นแต่แผนที่ ชีวิตจริงพลิกผันไปตามเหตุการณ์เรียนมาท่องมาพูดคล่องปากเป็นสัญญาไม่ใช่ปัญญาเป็นแต่พื้นที่เดินต่อไป



๕๗.ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ก็ย่อมผูกเวร อยู่ตามครรลองเวรย่อมไม่มีและไม่มีร้อง แต่อาจจะมีบ้างหากวิบากให้ผลก็ไม่เป็นไร เจริญกุศลไปเรื่อยๆ



๕๘.คนไม่กลัวบาป คนไม่เชื่อกรรมเป็นคนไม่มีกติกาชีวิตน่ากลัวทำลายได้ทุกอย่าง ก่อทุกข์โทษเวรภัยให้แก่ตนและผู้อื่นมันเป็นกรรมของสัตว์ ชี้ทางก็ไม่ได้โปรดก็ไม่ได้ แต่ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ความสูญเสียหรือเสียหายจะสั่งสอนและหยุดบุคคลเหล่านั้นเอง (ยิ่งเจ็บยิ่งสูญเสียสติตั้งปัญญาเกิด)



๕๙.ไม่มีใครแบกบ้านไป ไม่มีใครแบกที่ดินไป มีแต่อยู่ใต้ดินทั้งนั้น



๖๐.เมื่อเจ็บถึงที่สุดถึงขนาดหรือถี่ๆ บ่อยๆ เต็มๆ ชัดๆ จะเริ่มเห็นเหตุปัจจัยหรือกฎสะท้อนเมื่อนั้นก็จะเข้าใจกรรม บุญบาปดีขึ้นๆ ไม่สังเกตไม่พินิจเจ็บตาย ร้องตาย เช่น ก่อเหตุไม่ดี ประมาทในชีวิต สิ่งใดควรทำไม่ทำ เห็นผิดทำผิดหรือไม่อยู่ตามครรลอง หรือตามเหตุตามปัจจัย



๖๑.ศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมอย่าไปเชื่อใคร บินมาก็ไม่ใช่ เหาะเสกเป่า....ก็ไม่ใช่ฟังแล้วพินิจจริงเท็จลงมือ(ปรโตโฆสะ,โยนิโสมนสิการ แอนด์ ภาวนา)รู้ได้เฉพาะตน



๖๒.คนติดโลกสวมใส่เครื่องประดับ



๖๓.มนุษย์ที่แสดงกันอยู่ของจริงหรือของปลอมเสแสร้งหรือมายาพูดจริงหรือหลอกยิ้มหรือมีเลศนัย ให้จริงหรือจะหลอกใช้ เล่นลิเก ลิเก



๖๔.คนหยาบไม่เข้าใจบุญบาป ให้ความเจ็บความสูญเสียความพลัดพรากสอนเขาไปเรื่อยๆ หรือเขาจะไม่เข้าใจกฎสะท้อน เช่น ก่อเหตุร้ายหรือสร้างเหตุไม่ดี หรือถ้าให้ทานก็ปรุงแต่งนึกคิดเช่นเย็น หรือร้อนใจรู้ กรรมีทุกขณะๆ และถ้าสะสมกรรมไม่ดีวิบากทัน รับเต็มๆ ชัดๆ



๖๕.เข้าใจผิดหลับตาแล้วจะบรรลุ บวชหลายสิบปี ภาวนาหลายสิบปีแล้วจะเข้าธรรม ถึงธรรม การประพฤติธรรมสำคัญอยู่ที่จิต ต้องตั้งสติหรือคุมจิตให้ได้ไม่ให้ผิดธรรม



๖๖.รักษาให้ดีมันกำลังเสื่อม เช่น รถหลายชิ้นส่วนรอการซ่อมเปลี่ยน บ้านถูกแดดฝนความร้อนเย็นมดปลอก.....กิจการ ระวัง ลูกจ้าง ต้นทุนตลาด เสี่ยง ตำแหน่งงานหน้าที่หน้าตาใช้เงินไม่เที่ยงแต่ที่สำคัญร่างกายกำลังพัง



๖๗.ติดสมมุติไม่เห็นวิมุติ โลกคือไอติม เราเป็นดั่งอนุภาคของไอติมที่กำลังละลายแปรเปลื่ยนหายไปเหมือนถูกอุปโลกน์ขึ้นมาแล้วก็ดับลงไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนเพียงมีตัวมีตนชั่วขณะหนึ่งๆที่เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในสังสารวัฏ มายึดอะไรเดี๋ยวก็ไหลเลื่อนหายไป รักษาให้ดีมันกำลังเสื่อมต้องมีและหาทุน เหนื่อยนะ



๖๘.พระเจ้าองค์ไหนก็ช่วยไม่ได้ หมอคนไหนก็ช่วยไม่ได้ ร้องตะโกนก็ไม่พ้นกฎแห่งกรรมไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่เป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าให้ผลตรงๆ ชดใช้ตรงๆทันทีทันใด โจรก็หยุดปล้น คนไม่ดีก็หยุดโกง คนคดคนโกหกก็หยุดหลอก แต่อาจารย์ใหญ่เขาบอกเขาเตือนเราอยู่ตลอดแต่เราตรวจจับไม่ได้เพราะจิตเราตั้งลำไม่ได้นึกคิดปรุงแต่งเรื่องแล้วเรื่องเล่าหรือวนเวียนไปๆมาๆ แต่ถ้าชัดๆ เต็มๆ ถี่ๆ จะเริ่มเห็นจะได้สติ สร้างเหตุไม่ดีทุกตายภาระต้นทุนเพียบ ยาว ร้องยาวๆ เช่น คนได้สามีไม่ดีมาเจ็บยาว และมีบุตรด้วยก็ยาวๆ ใช้ชีวิตเจ็บยาว



๗๙.จิตสงบเพราะมีปกติมาก่อน(เห็นชอบคิดชอบทำชอบพูดชอบอาชีพชอบ)หรือมีศีล ถ้าไม่ปกตินั่งหรือทำสมาธิไม่ใช่เป็นเพียงรูปแบบหรือทำเท่ห์ ฝึกสติเพื่อเห็นจิต ใจนึกใจคิด กุศลหรืออกุศลแล้วประคองรักษา หรือถ้าปรุงแต่งเป็นอกุศลก็หาอุบายดับหรือออกหรือพิจารณาเหตุปัจจัยดับอกุศลที่เกิดนั้น



๘๐.ฟังก์ชันกาลเวลาจะพาเราไปพบสัจจะแห่งชีวิต ความจริงจะถูกเปิดเผยว่า กรรมมีจริง บุญบาปมีจริง นรกสวรรค์ไม่ใช่สถานที่แต่มันคือจิตเราที่ถูกกระทบทุกขณะไหลเลื่อนท่องไปตามภพภูมิน้อยใหญ่



๘๑.คนไม่มีศีล ไม่มีธรรมคบแล้วเจ็บตัวเจ็บใจ ถูกหลอกตายถูกใช้ตาย ผู้ประจบสอพลอก็ลวง



๘๒.ทรัพย์สมบัติเป็นของคนมีชีวิต



๘๓.คนคดคนโกงสุดท้ายได้แค่โลง ได้แค่โลงโกงทำไม คนไม่มีบาปไม่มีเวรย่อมอาจหาญต่อยมบาล ตายยิ้มหรือยิ้มตาย สุคติอันมีหวัง



๘๔.เมื่อกรรม ชะตา วิบากเข้าจัดการเราเมื่อใด รับเต็มใครในโลกนี้ก็มาช่วยเราไม่ได้ ยอมรับไปเลย ถ้าไม่สาหัสก็ปรับปรุง เจริญกุศลไปเรื่อยๆเพื่อมิให้ถูกซ้ำอีก



๘๕.วัถตุธาตุต่างคุณสมบัติ มนุษย์สัตว์ต่างอุปนิสัยสติปัญญา ถ้าบอกแล้ว เตือนแล้ว ว่ากล่าวแล้ว เปลี่ยนเขาไม่ได้ก็ปล่อยเขาไปตามกรรมให้ชะตา กรรม วิบากจัดการหรือเก็บเขาไปเอง ไม่พึ่งซ้ำ



๘๖.รู้ใช้ รู้จาก รู้เวลา ทิ้งก่อนมีปัญหา มีปัญหาก่อนทิ้งจิตเศร้าหมอง ถ้าดับลงทุคติมีหวัง



๘๗.ฟุ้งซ่านเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ



๘๘.คนไม่มีงานทำจิตก็ฟุ้งซ่านเสส่ายก่อกำหนัดยังทุกข์โทษภัยมาสู่ตน



๘๙.ธรรมไม่ใช่อยู่ที่การเอาปิ่นโตไปถวาย ตักบาตร ทำวัตรเช้าเย็น หรือที่บทสวดแต่เป็นพื้นธรรม มนุษย์เป็นสัตว์บำเพ็ญ ฝึกกายมีศีล ฝึกสติมีธรรม ไม่ฝึกไม่ได้



๙๐.ถึงใบห้วยให้โชคลาภนับหลายครั้ง(ไม่เห็นรวย)ทั้งป้องกันสรรพภัย(เห็นดับจากภัยที่ขอหรือภัยอื่นมาเยอะ) และให้มีอายุยืนอมตะนิรันดร(เห็น ๗๐ ปี ๘๐ ปี ก็ไป)ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ยังวกวนเวียนในสังสารวัฏ ไม่เห็นทางออกแต่กลับยินดีพอใจผูกข้องในลาภและยังยืนทำให้มีตัวมีตนเป็นของของตน



                   โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผะอบทิพย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม